แนะทำแผน 3 ระยะ สั้น กลาง และยาว นายชยาวุธ ศิริยุทธ์วัฒนา ประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษและควบคุมฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กล่าวในการประชุมสภากทม. สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2563 โดยรายงานผลการศึกษาและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการวิสามัญฯ ถึงแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง มาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และแผนการประชาสัมพันธ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง pm2.5 โดยคณะกรรมการวิสามัญฯมีข้อเสนอแนะหลายประการ อาทิ กทม.เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงาน บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับแผนการแก้ไขปัญหาฝุ่น pm2.5 ในระดับชาติให้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน กทม.ควรมีแผนและมาตรการควบคุมการเผาที่ทำให้เกิดมลพิษ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวควรเป็นแผนหลักในการแก้ไขปัญหาเรื่องคุณภาพอากาศ รวมทั้งส่งเสริมให้มีพื้นที่สีเขียวแนวตั้งตามอาคารสูง โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ลดปริมาณการจัดซื้อยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซล ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ห้ามรถยนต์วิ่งเข้าพื้นที่ในช่สภกวงสถานการณ์ฝุ่นละอองเกินเกณฑ์มาตรฐาน ส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะระบบราง รวมทั้งส่งเสริมการสัญจรทางน้ำ เพื่อสร้างทางเลือกในการเดินทางให้มากขึ้นเพื่อลดปัญหาจราจรติดขัด นอกจากนี้ ควรส่งเสริมการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเหลื่อมเวลาการทำงานในช่วงสภาวะค่าฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง นายชยาวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการวิสามัญฯ เห็นว่า การแก้ปัญหาควรแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ในช่วงที่เกิดวิกฤตฝุ่น กทม.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ต้องมีบทบาทสำคัญในการประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนให้ประชาชนรับรู้ถึงปัญหา และอันตรายที่จะได้รับ รวมทั้งควรติดตั้งเครื่องตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองในสถานที่ต่างๆและเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งมีการรายงานค่าปริมาณฝุ่นแบบ Real Time อย่างต่อเนื่อง ระยะกลาง ควรพิจารณาเรื่องการใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และในระยะยาว ควรสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนได้ตระหนักถึงผลกระทบของปัญหา ในส่วนของกรุงเทพมหานครและภาครัฐ ควรกำหนดนโยบายให้เข้มข้นมากขึ้น มีการสร้างนวัตกรรมใหม่ คิดค้นพลังงานทดแทน และสร้างพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติม นายเชนทร์ วิพัฒน์บวรวงศ์ กล่าวว่า การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว การกำหนดใช้รถยนต์ส่วนราชการของกทม. ดับเครื่องเมื่อจอดรอ เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองพลังงาน การกวดขันตรวจสอบสถานที่ก่อสร้าง ทั้งนี้ ต้องดำเนินการมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องสภากทม.เสนอยุทธศาสตร์แก้ฝุ่น 2.5 นายอภิรัตน์ ศิวพรพิทักษ์ ส.ก.กล่าวว่า ที่ผ่านมากทม.ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง เนื่องจากเป็นพื้นที่สำคัญที่เกิดปัญหา ทั้งนี้ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประชาชนเดินทางน้อยลง เห็นได้ชัดว่าปริมาณฝุ่นละอองในท้องถนนลดลงด้วย หลังจากสถานการณ์คลี่คลายในขณะนี้ ประชาชนเริ่มเดินทางมากขึ้น ทำให้เริ่มมีปริมาณฝุ่น แสดงให้เห็นว่าการเผาไหม้ของเครื่องยนต์เป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดปัญหาฝุ่นละออง อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาของคณะกรรมการวิสามัญชุดนี้ถือว่ามีประโยชน์มาก หากผู้บริหารกทม.นำไปใช้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในอนาคต