นายบรรยง วิทยวีรศักดิ์ ประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก(APFinSA)ได้โพสต์บนเพจเฟสบุ๊ส่วนตัวว่า
90% ของเศรษฐีในสิงคโปร์ใช้ประกันชีวิตในการวางแผนความมั่งคั่งและส่งต่อมรดก
คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักเข้าใจว่า คนที่เป็นเศรษฐีแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อประกันชีวิต ซึ่งความเชื่อนี้ขัดแย้งกับสิ่งที่ผมรับรู้มาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนที่ตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตว่า ประเทศที่ยิ่งเจริญ ธุรกิจนี้จะยิ่งโตตาม และข้อมูลในวันนี้ก็จะยิ่งยืนยันความเชื่อของผม
มีรายงานล่าสุดจากบริษัท เอไอเอ จำกัด และบริษัท Ernst & Young จำกัด ระบุว่าเศรษฐีส่วนใหญ่ได้นำวิธีการทางประกันภัย(insurance solutions)มาใช้ในการบริหารความมั่งคั่ง
ในรายงานกล่าวว่า การสำรวจนี้ได้รับข้อมูลที่สอดคล้องกันจากการเก็บข้อมูลและสัมภาษณ์จากเศรษฐีทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวันและสิงคโปร์
โดย 70% ของเศรษฐีในสิงคโปร์บอกว่า พวกเขาใช้การประกันภัยมากกว่า 10% (ของทรัพย์สิน)ในการวางแผนความมั่งคั่งและส่งต่อมรดก ขณะที่ 75% ของเศรษฐีใน 4 ประเทศนี้ใช้การประกันสำหรับการวางแผนส่งต่อมรดกด้วย
ในรายงานยังพบว่า 86% ของเศรษฐีในสิงคโปร์ได้ทำประกันสุขภาพหรือโรคร้ายแรงเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และเพื่อให้สามารถเข้าถึงการดูแลในระดับเฟิร์สคลาส
96% ของเศรษฐีในสิงคโปร์ใช้ประกันชีวิตในการวางแผนเกษียณอายุ โดยเห็นว่ามันเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบริหารความมั่งคั่ง และเพื่อให้มั่นใจว่าจะเปลี่ยนผ่านจากการทำงานไปสู่การเกษียณอายุจะเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ ขณะที่อีก 3 ประเทศมีสัดส่วนเรื่องนี้ถึง 92% เช่นกัน
ในเรื่องของการวางแผนการประกันธุรกิจ(business wealth protection) 80%ของเจ้าของกิจการที่เป็นเศรษฐีในสิงคโปร์เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ 52% ของคนเหล่านี้ยังไม่ได้มีการวางแผนการประกันธุรกิจ ขณะที่อีก 48% ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางด้านประกันภัย เช่น การคุ้มครองเงินกู้(business loan protection) การคุ้มครองรายได้จากการเจ็บป่วย(health and illness income protection)และการวางแผนโอนย้ายธุรกิจให้ทายาท (business transfer and legacy planning and inheritance equalization)มาช่วยในการประกันธุรกิจ แสดงให้เห็นว่า เรื่องการประกันธุรกิจก็ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ประเทศพัฒนาแล้วค่อยๆเรียนรู้กัน
ท่านผู้อ่านที่รักครับ ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้ซื้อประกันชีวิตไว้แล้ว หรือได้มีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่หลากหลายมาช่วยในเรื่องของการวางแผนทางการเงิน แสดงว่าท่านมาถูกทางแล้ว อย่างที่บอก ข้อมูลตลอด 30 ปีที่ผ่านมายืนยันว่าประเทศที่ยิ่งเจริญ ธุรกิจประกันชีวิตจะยิ่งโตตาม สังเกตได้จากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา หรือสิงคโปร์ที่ประชาชนของเขาซื้อประกันชีวิตกันมาก เวลามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ความเป็นอยู่และธุรกิจของคนของเขายังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ต้องมาเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
จนมีเรื่องเล่ากันขำขำว่า เวลามีไฟไหม้ที่อเมริกา ทั้งๆที่ทุกคนในบ้านหนีออกมาได้หมดแล้ว สุนัขตัวโปรดของครอบครัวยังจะวิ่งเข้าไปในกองเพลิง แล้ววิ่งกลับออกมาพร้อมกับคาบเอาซองกรมธรรม์ประกันไฟที่ห่อด้วยผ้าเช็ดตัวเปียกๆ
แสดงว่าเรื่องของการประกันภัย ประกันชีวิต อยู่ในทุกลมหายใจของทุกคนจริงๆครับ
หมายเหตุ :
1. บริษัท Ernst & Young หรือเรียกสั้นๆว่า EY เป็นหนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีธุรกิจ ตรวจสอบบัญชี บริหารภาษี และให้บริการคำปรึกษาทางธุรกิจแก่ลูกค้า
2. การประกันธุรกิจ (Business Insurance) มีสอนในหลักสูตร Chartered Life Practitioners (ChLP) ของสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) โดยมีวิทยากรจากต่างประเทศมาสอน
แหล่งข้อมูล : Asia Advisers Network
https://www.asiaadvisersnetwork.com/Article/aid/62325/AIA-and-EY-reports...