ถือฤกษ์วันที่ 7 เดือน 7 จัดบวงสรวงพญานาคริมโขง 7 วัน 7 คืน สู้โควิด ผู้ว่า มั่นใจไม่เสี่ยงโควิด เน้นจัดแบบนิวนอร์มอล กระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ได้มีการเตรียมพร้อมจัดงานประเพณี พิธีศักดิ์สิทธิ์ สำคัญ บวงสรวงบูชา องค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คพญานาคศักดิ์สิทธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งถือปฏิบัติสืบทอดกันมาทุกปี ตั้งแต่มีการก่อสร้างสมโภชขึ้น เมื่อปี 2559 กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.นครพนม รวมถึงเป็นการสร้างสัญลักษณ์เมืองการค้าเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ภายใต้ความเชื่อเกี่ยวกับ องค์พญานาค ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ที่ดูแลปกปักษ์รักษาแถบลุ่มน้ำโขง รวมถึงองค์พระธาตุพนม ภายหลังมีการวางแผนออกแบบก่อสร้างมานานเกือบ 5 ปี จนกระทั่งสมบูรณ์แบบ นำมาประดิษฐาน เมื่อปี 2559 ได้นามว่า องค์พญาศรีสัตตนาคราช ได้ถูกก่อสร้างขึ้นด้วยโลหะทองเหลือง เป็นองค์พญานาคขดตัวชูเศียรพ่นน้ำ จำนวน 7 เศียร มีความสูงตั้งแต่ฐานลำตัว ประมาณ 9 เมตร ขดลำตัวกว้างประมาณ 6 เมตร และตั้งบนแท่นประดิษฐานสูง ประมาณ 5 เมตร มีน้ำหนักรวมประมาณ 9 ตัน
โดยจะประดิษฐานหันหน้าไปทางน้ำโขง พ่นน้ำทั้ง 7 เศียรลงสู่แม่น้ำโขง ใช้งบประมาณเฉพาะองค์พญานาค ประมาณ 9 ล้านบาท มีความสวยงาม โดดเด่น เชื่อมกับเส้นทาง 3 ที่สุด ของ จ.นครพนม ที่สวยที่สุด คือ 1. สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน 2. งามที่สุด จะเป็นตัวเมืองที่มีความสวยงามเรื่องวิวทิวทัศน์2 ฝั่งโขง รวมถึงองค์พญานาคแลนด์มาร์ค และ 3. ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ องค์พระธาตุพนม ที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ดึงดูดประชาชน นักท่องเที่ยว สนใจมาเที่ยวชม
ซึ่งทำให้ปัจจุบัน นครพนม มีนักท่องเที่ยว เดินทางมาเที่ยวพักผ่อน เพิ่ม หลายเท่าตัว จากข้อมูลเคยมี นักท่องเที่ยว เฉลี่ยปีละ 4 -5 แสนคน เพิ่มเป็นปีละเกือบ 2 ล้านคน ปัจจุบัน กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สำคัญ ที่มีประชาชนนักท่องเที่ยว เดินทางมากราบไหว้ ขอพร ท่องเที่ยว ไม่ขาดสาย รวมถึงนักเสี่ยงโชค ที่มีความเชื่อศรัทธา และมีคนโชคดีถูกรางวัลใหญ่มานับไม่ถ้วน รวมถึงลูกหลานชาวนครพนม เคยถูกรางวัลจากการอธิษฐานขอพร ได้เงินร่วม 90 ล้านบาท ช่วงปี 2561 – 2562 ที่ผ่านมา จึงได้มีการจัดงานบรวงสรวงขึ้นทุกปี เพื่อเป็นสิริมงคล กำหนดถือฤกษ์ วันที่ 7 เดือน 7 คือวันที่ 7 กรกฎาคม ของทุกปี จัดพิธีขึ้น
ด้าน นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับในปีนี้ ทางจังหวัดนครพนม ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดนครพนม เทศบาลเมืองนครพนม รวมถึง หน่วยงานภาครัฐเอกชน เตรียมพร้อมจัดงาน บวงสรวงบูชาองค์พญาศรีสัตตนาคราช ขึ้น ซึ่งถือเป็นงานประเพณีสำคัญจัดขึ้นทุกปี ตามประเพณีความ เชื่อ ส่วนในปีนี้ ได้มีการเตรียมพร้อมในการจัดงาน แตกต่างจากหลายปีที่ผ่านมา เพราะต้องจัดงานภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด เป็นการจัดงานแบบนิวนอร์มอล เว้นระยะห่าง โดยได้หารือกับคณะกรรมการจัดงาน ในการควบคุมจำกัด ทั้ง ผู้ที่จะมาร่วมกิจกรรมในแต่ละวัน ไปจนถึง นางรำที่จะร่วมพิธีรำบวงสรวง จะลดปริมาณลงจาก วันเปิดงาน เคยร่วมรำ 4-5 พันคน เหลือเพียง ประมาณ 1,500 คน และต้อง เว้นระยะห่าง ในการร่วมพิธี
อีกทั้ง มีการควบคุม กำหนด ประชาชน นักท่องเที่ยว เข้าร่วมพิธีให้ อยู่ในจำนวนที่พอเหมาะ และต้องผ่านมาตรการตรวจสอบ คัดกรอง และควบคุม ที่มาตรฐาน เน้นการติดตามชมกิจกรรม ทางสื่อโซเชียล ควบคู่กันไป โดยทางจังหวัดนครพนมมีความมั่นใจ จะไม่เกิดความเสี่ยง และจะไม่กระทบต่อมาตรการควบคุมโรค สิ่งสำคัญจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว ในช่อง ระยะเวลา 7 วัน จะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยว หลังซบเซามานาน นอกจากนี้ ยังได้หรือกับภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ในการสร้างมาตรฐานในการดูแล ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงจัดโปรโมชั่นลดราคา ทั้งที่พัก ร้านค้า ร้านอาคาร เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ควบ๕กันไป
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ได้มีการเตรียมพร้อมจัดงานประเพณี พิธีศักดิ์สิทธิ์ สำคัญ บวงสรวงบูชา องค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คพญานาคศักดิ์สิทธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งถือปฏิบัติสืบทอดกันมาทุกปี ตั้งแต่มีการก่อสร้างสมโภชขึ้น เมื่อปี 2559 กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.นครพนม รวมถึงเป็นการสร้างสัญลักษณ์เมืองการค้าเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ภายใต้ความเชื่อเกี่ยวกับ องค์พญานาค ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ที่ดูแลปกปักษ์รักษาแถบลุ่มน้ำโขง รวมถึงองค์พระธาตุพนม ภายหลังมีการวางแผนออกแบบก่อสร้างมานานเกือบ 5 ปี จนกระทั่งสมบูรณ์แบบ นำมาประดิษฐาน เมื่อปี 2559 ได้นามว่า องค์พญาศรีสัตตนาคราช ได้ถูกก่อสร้างขึ้นด้วยโลหะทองเหลือง เป็นองค์พญานาคขดตัวชูเศียรพ่นน้ำ จำนวน 7 เศียร มีความสูงตั้งแต่ฐานลำตัว ประมาณ 9 เมตร ขดลำตัวกว้างประมาณ 6 เมตร และตั้งบนแท่นประดิษฐานสูง ประมาณ 5 เมตร มีน้ำหนักรวมประมาณ 9 ตัน
โดยจะประดิษฐานหันหน้าไปทางน้ำโขง พ่นน้ำทั้ง 7 เศียรลงสู่แม่น้ำโขง ใช้งบประมาณเฉพาะองค์พญานาค ประมาณ 9 ล้านบาท มีความสวยงาม โดดเด่น เชื่อมกับเส้นทาง 3 ที่สุด ของ จ.นครพนม ที่สวยที่สุด คือ 1. สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน 2. งามที่สุด จะเป็นตัวเมืองที่มีความสวยงามเรื่องวิวทิวทัศน์2 ฝั่งโขง รวมถึงองค์พญานาคแลนด์มาร์ค และ 3. ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ องค์พระธาตุพนม ที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ดึงดูดประชาชน นักท่องเที่ยว สนใจมาเที่ยวชม
ซึ่งทำให้ปัจจุบัน นครพนม มีนักท่องเที่ยว เดินทางมาเที่ยวพักผ่อน เพิ่ม หลายเท่าตัว จากข้อมูลเคยมี นักท่องเที่ยว เฉลี่ยปีละ 4 -5 แสนคน เพิ่มเป็นปีละเกือบ 2 ล้านคน ปัจจุบัน กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สำคัญ ที่มีประชาชนนักท่องเที่ยว เดินทางมากราบไหว้ ขอพร ท่องเที่ยว ไม่ขาดสาย รวมถึงนักเสี่ยงโชค ที่มีความเชื่อศรัทธา และมีคนโชคดีถูกรางวัลใหญ่มานับไม่ถ้วน รวมถึงลูกหลานชาวนครพนม เคยถูกรางวัลจากการอธิษฐานขอพร ได้เงินร่วม 90 ล้านบาท ช่วงปี 2561 – 2562 ที่ผ่านมา จึงได้มีการจัดงานบรวงสรวงขึ้นทุกปี เพื่อเป็นสิริมงคล กำหนดถือฤกษ์ วันที่ 7 เดือน 7 คือวันที่ 7 กรกฎาคม ของทุกปี จัดพิธีขึ้น
ด้าน นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับในปีนี้ ทางจังหวัดนครพนม ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดนครพนม เทศบาลเมืองนครพนม รวมถึง หน่วยงานภาครัฐเอกชน เตรียมพร้อมจัดงาน บวงสรวงบูชาองค์พญาศรีสัตตนาคราช ขึ้น ซึ่งถือเป็นงานประเพณีสำคัญจัดขึ้นทุกปี ตามประเพณีความ เชื่อ ส่วนในปีนี้ ได้มีการเตรียมพร้อมในการจัดงาน แตกต่างจากหลายปีที่ผ่านมา เพราะต้องจัดงานภายใต้มาตรฐานความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด เป็นการจัดงานแบบนิวนอร์มอล เว้นระยะห่าง โดยได้หารือกับคณะกรรมการจัดงาน ในการควบคุมจำกัด ทั้ง ผู้ที่จะมาร่วมกิจกรรมในแต่ละวัน ไปจนถึง นางรำที่จะร่วมพิธีรำบวงสรวง จะลดปริมาณลงจาก วันเปิดงาน เคยร่วมรำ 4-5 พันคน เหลือเพียง ประมาณ 1,500 คน และต้อง เว้นระยะห่าง ในการร่วมพิธี
อีกทั้ง มีการควบคุม กำหนด ประชาชน นักท่องเที่ยว เข้าร่วมพิธีให้ อยู่ในจำนวนที่พอเหมาะ และต้องผ่านมาตรการตรวจสอบ คัดกรอง และควบคุม ที่มาตรฐาน เน้นการติดตามชมกิจกรรม ทางสื่อโซเชียล ควบคู่กันไป โดยทางจังหวัดนครพนมมีความมั่นใจ จะไม่เกิดความเสี่ยง และจะไม่กระทบต่อมาตรการควบคุมโรค สิ่งสำคัญจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว ในช่อง ระยะเวลา 7 วัน จะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยว หลังซบเซามานาน นอกจากนี้ ยังได้หรือกับภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ในการสร้างมาตรฐานในการดูแล ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงจัดโปรโมชั่นลดราคา ทั้งที่พัก ร้านค้า ร้านอาคาร เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ควบ๕กันไป