โฆษก ศบค. เผยพบต่างด้าวลอบเข้าไทย 3,000 คน หวั่นปล่อยเชื้อโควิดในเมือง ชี้จนท.ทีมตรวจกิจการต้องแสดงตนก่อน-ใช้แพลตฟอร์ม “ผู้พิทักษ์ไทยชนะ” ลดวันแถลงเหลือสัปดาห์ละ 3 วัน เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงวันหยุดยาวที่มีภาพประชาชนจำนวนมากออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆในปริมาณที่หนาแน่น ว่า มี 3 ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ ประชาชน ผู้ประกอบการ และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ที่เป็นผู้เข้าไปตรวจสอบ กำกับ และติดตามบรรดากิจการที่มีความเสี่ยงสูงมากๆ ทั้งนี้ แม้เรามีรายงานตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศเป็นศูนย์ แต่บอกไม่ได้ว่ายังจะมีผู้ติดเชื้ออยู่ในประเทศไทยหรือไม่ เพราะรายงานของหน่วยงานความมั่นคงพบว่าในช่วง 1 เดือน มีต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศไทยผ่านช่องชายแดนทางบก กว่า 3,000 คน ซึ่งบางส่วนอยู่ในการดูแลของสำนักงานตรวจเข้าเมือง (สตม.) บางส่วนถูกผลักดันออกนอกประเทศไทย แต่มีบางส่วนที่เข้ามาอยู่ในใจกลางเมือง ก็ต้องถูกนำมาจัดการอยู่ในที่กักกันในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ โดยส่วนที่เข้ามาในเมืองนั้นอาจเป็นสาเหตุการนำเชื้อเข้ามาโดยที่เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นวัคซีนทางกายภาพที่ดีที่สุด คือขอให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ต้องมีการเว้นระยะห่าง และต้องล้างมือบ่อยๆ โฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้าไปตรวจสอบกิจการและกิจกรรมต่างๆนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศบค. ให้นโยบายว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดังกล่าวต้องมีการแจกแจงตัวเองให้ชัดเจนว่าตัวเองเป็นใคร และต้องมีแพลตฟอร์ม “ผู้พิทักษ์ไทยชนะ” ติดตัวเพื่อบ่งบอกว่าเป็นตัวจริงในการเข้าไปตรวจสอบผู้ประกอบการ ไม่ใช่เป็นคนที่มาเบ่งหรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมโรค หน่วยงานด้านความมั่นคง และกระทรวงมหาดไทย ลงทะเบียนแล้ว จึงจะไม่มีใครสามารถแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบได้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การแถลงข่าวของ ศบค.จะลดลงเหลือ 3 วันต่อสัปดาห์ โดยตนจะแถลงข่าวในวันจันทร์และวันพฤหัสบดี ขณะที่ พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศบค. จะแถลงวันพุธ ทั้งนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ขอโรคโควิด-19 ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “ไทยคู่ฟ้า” และ “ศูนย์ข้อมูลโควิด-19”