"บิ๊กตู่"เข้าสภาแจงพรบ.งบฯ 64วาระแรกกรอบวงเงิน 3.3 ล้านบาท พร้อมยอมรับห่วงศก.ปี 64 มีความเสี่ยงทรุดอีกหากพิษโควิด-19ยืดเยื้อ ยันหนี้สาธารณะอยู่ในกรอบร้อยละ60 ด้าน"สมพงษ์" ขู่คว่ำงบฯ64อัดสักแต่ทำ ลั่นถ้าไม่ปรับแก้ ให้ผ่านสภาฯไม่ได้ "อนุดิษฐ์"ให้ฉายานายกฯ บิดาแห่งความเหลื่อมล้ำ ผู้นำแห่งการก่อหนี้ ติงจัดงบฯ 64 ระบุหลายโครงการส่อทุจริต "บิ๊กป้อม" เผยเคลียร์ "ชัยวุฒิ" แล้วหลังยำใหญ่"สมคิด" ชี้แค่ส.ส.คนเดียวเข้าใจผิด เพราะกลัวตกงาน ยัน"สมคิด"เข้าใจดี ระบุ เก้าอี้รมต.ของ"4กุมาร"ต้องไปถามนายกฯ ขณะที่ "เลขาฯ ครม."เผยนายกฯยังไม่ส่งรายชื่อครม.ชุดใหม่ให้ตรวจสอบ ขณะที่"ปปช."ลงดาบชี้มูลความผิด"ยิ่งลักษณ์"โยกย้าย "ถวิล เปลี่ยนศรี" โดยมิชอบ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1ก.ค.63 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสม คิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวระหว่างการมอบนโยบายต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ถึงการที่รัฐบาลสิงคโปร์ยุบสภา เพราะคาดว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่เพื่อเลือกตั้งใหม่ ว่า นายสมคิดได้เล่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าได้พูดอะไรกับสื่อมวลชน โดยยอมรับว่าพูดถึงกรณีของสิงคโปร์จริง แต่มีคนนำไปโยงว่าเป็นการพูดมีนัยยะอยากแนะนำกรณีของไทย ซึ่งนายสมคิดได้ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวเลย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่ประชุมครม.พูดถึงการยุบสภาด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีสมาชิกพรรคหลายคน โดยเฉพาะ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค ให้สัมภาษณ์ขับไล่ นายสมคิด ว่า คนๆ เดียว เป็นความคิดของคนๆ เดียว อย่าไปพูดหลายคน ซึ่งเป็นเรื่องภายในพรรคจะต้องพูดคุยกัน เมื่อถามว่า ได้มีการเคลียร์กับนายชัยวุฒิหรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะเคลียร์เรื่องอะไร เขาไม่ได้ตะเพิดสื่อใช้คำพูดมากเกินไป ทำให้คนโกรธกันในข้อเท็จจริงคือเขาไม่เข้าใจ โดยเขาเข้าใจว่านายสมคิดจะไปยุบสภา และทำให้เขาไม่มีงานทำ และตกงาน ซึ่งส่วนตัวได้บอกเขาแล้ว ไม่เป็นไร และเรื่องนี้นายสมคิดเข้าใจดี เมื่อถามถึงตำแหน่งรัฐมนตรีของ 4 กุมาร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯเอง ตนไม่ทราบ ส่วนในพรรคนั้น ต้องแล้วแต่ที่ประชุมพรรค ขณะที่ นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพปชร. กล่าวว่า อยากถามนายสมคิดว่าที่พูดออกมาแบบนี้ มีความคิดอะไรซ่อนเร้นหรือไม่ เพราะตนและส.ส.ในสภาฯ 500 คน มีความตั้งใจเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อชาติบ้านเมือง ส่วนที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้เกิดจากทุกประเทศต้องต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาทั่วโลก ถ้านายสมคิดไร้ฝีมือจึงควรมีความละอายใจ และรับผิดชอบด้วยการลาออก "การที่นายสมคิดเสนอให้ยุบสภาฯ หรือจะเป็นไปตามข่าวจริงๆ ว่าได้มีการตั้งพรรคการเมืองมารอรับกลุ่มของพวกท่านใช่หรือไม่ หรือว่าจะเป็นอย่างที่มีข่าวออกมาจากหลายๆ ทางว่านายสมคิดอยากเป็นผู้ได้รับการเสนอเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าถึงอยากให้เลือกตั้งใหม่เร็วๆ" นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงกระแสข่าวมีการส่งรายชื่อว่าที่รัฐมน ตรีใหม่ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) ตรวจสอบคุณสมบัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่า นายกฯ ยังไม่ได้ส่งรายชื่อมาให้ตรวจสอบ และเรื่องรายชื่อนั้น เป็นเรื่องของนายกฯ ตนไม่ทราบ วันเดียวกัน ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานใน การประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 64 วาระแรก วงเงิน3.3ล้านล้านบาท โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นผู้ชี้แจงว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยปี 63คาดว่าจะติดลบร้อยละ 5-6 โดยมีสาเหตุหลักจากสงครามทางการค้า และผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนเศรษฐ กิจไทยปี 64 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4-5ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเทียบกับปี 63 มีแนวโน้มการปรับตัว ดีขึ้นของอุปสงค์ภาคต่างประเทศ หลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่อนคลายลง รวมถึงการฟื้นตัวของรายได้จากการส่งออก การท่องเที่ยว การผลิตภาคเกษตร และแรงขับเคลื่อนจากภาครัฐ ทั้งการเบิกจ่าย ภายใต้กรอบงบรายจ่ายประจำปี การเบิกจ่ายภายใต้พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง มีความเสี่ยงที่จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากสถานการณ์การระบาดยืดเยื้อออกไป แต่มีความเป็นไปได้ ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากการระบาดยุติลงสิ้นเชิงในไตรมาสแรกปี 64 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า งบประมาณรายจ่ายปี 64 มีวงเงินงบประมาณ 3.3ล้านล้านบาท เป็นการดำเนินงบประมาณแบบขาดดุล โดยกำหนดรายได้สุทธิ 2.67 ล้านล้านบาท และเงินกู้ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณอีก 62 3,000 ล้านบาท วงเงินงบประมาณดังกล่าวจำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 2.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 76.5 ของวง เงินงบประมาณ รายจ่ายลงทุน 674,868 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.5 และรายจ่าย ชำระคืนต้นเงินกู้ 99,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 ของวงเงินงบประมาณ สำหรับหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31มี.ค.63 มีจำนวน 7ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ41.7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ อยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะ ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 60 "ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ควบคู่ไปกับส่งเสริมการสร้างรายได้ของประชาชนเพื่อกระจายผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม และทั่วถึง โดยให้กระทรวงต่างๆ ดำเนินการให้สอดคล้อง กับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่12 แผนปฏิรูปประเทศ และนโยบายสำคัญของรัฐบาล รวมทั้งน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทาง โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจประเทศ ความเป็นธรรมทางสังคม เสถียรภาพและความยั่งยืนทางการคลัง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายว่า งบประมาณมีความสำคัญสำหรับการบริหารประเทศที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาวะของประเทศที่กำลังเผชิญอยู่ในภาวะโควิด19 แต่นายกฯไม่ได้ระบุถึงวิธีการแก้ไขอย่างใด อีกทั้งงบประมาณปี 2564 เป็นการจัดสรรแบบเก่า เน้นการก่อสร้าง และการอบรมสัมมนา เสมือนทำไปวันๆ เหมือนทุกปีตามที่ส่วนราชการเสนอมา โดยไม่ได้มองไปที่ภาพใหญ่ ว่าประเทศไทยจะก้าวไปทิศทางไหน "ผมไม่เห็นคำตอบอยู่ในงบประมาณปี 2564 หากตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ งบประมาณฉบับนี้ก็เรียกได้ว่าสักแต่ทำให้เสร็จๆ อีกครั้ง ซึ่งเป็นอันตรายกับประเทศ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเช่นนี้ หากรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงต่อคำถามข้างต้น และหากไม่นำกลับไปแก้ไข ผมก็ไม่อาจจะสนับสนุนงบประมาณฉบับนี้ให้ผ่านไปไม่ได้" ส่วน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายว่า ตนได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีมาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่น่าห่วงใย และกังวลมากเท่าครั้งนี้ และขณะนี้ ฐานะทางการคลังของรัฐบาล มีความเปราะบางและสุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลาย ซึ่งรัฐบาลกู้เองโดยตรง และหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันทั้งสิ้น 6.98 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43.8 ของจีดีพี จึงหน้าเป็นห่วง ว่าถ้าการประมาณการรายได้ผิดและไม่สามารถเก็บภาษีได้ตามเป้า หมายความว่าปีงบประมาณต่อไปเหลือให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 60 ของจีดีพีจะเต็มเพดานและจะไม่สามารถกู้เงินมาพัฒนาเศรษฐกิจได้อีก ซึ่งจากสถิติก็เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลจัดเก็บรายได้ต่ำไว้กว่าที่ประเมินมา 6 ปี และถึงตอนนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มตกต่ำมาตั้งแต่การยึดอำนาจ เฉลี่ยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558-2562 รวม 5 ปีชำระหนี้เงิน ต้นไปจำนวน 220,875 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วชำระคืนต้น เงินกู้ประมาณปีละ 44,000 ล้านบาท หากรวมหนี้ที่กู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณรวม 2.791 ล้านล้านบาท จะต้องใช้เวลาชำระคืนถึง 64 ปี ยังไม่นับรวมหนี้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1.1 ล้านล้านบาทหรือหนี้ที่จะต้องกู้ในปีงบประมาณ 2565 ถ้ายังสามารถกู้ได้ซึ่งอาจ ต้องใช้เวลาเกือบ 100 ปี จึงจะชำระหมด ตอนนี้รัฐบาล จะก่อหนี้ได้ไม่เกิน 2.4 ล้านล้านบาท ที่เป็นยอดเต็มเพดานการก่อหนี้เมื่อรวมเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน และที่ต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 2564 จึงเหลือวงเงินที่จะก่อนหนี้ได้ภายในปี 2564 อีกประมาณ 750,000 ล้านบาท และหากมีเหตุอันไม่คาดฝันเกิดขึ้น จะทำให้ยอดหนี้สาธารณะสูงจนกู้เงินไม่ได้อีก "วันนี้นายกฯ กลายเป็นผู้นำของไทยที่กลายเป็น บิดาแห่งความเหลื่อมล้ำ ผู้นำแห่งการก่อหนี้ ซึ่งหากอนาคตหนี้เต็มเพดานและรัฐบาลก่อหนี้ไม่ได้อีก จะเป็นปัญหากับการพัฒนาประเทศ ตอนนี้ประชาชนไม่มีรายได้แต่หนี้สูง โจทย์คือรัฐบาลจะเพิ่มกำลังซื้อในประเทศได้อย่างไร การเยียวยาที่จะจบในเดือนนี้ก็ยิ่งจะทำให้สถานการณ์แย่ลงอีก ตัวเลขคนตกงานจะพุ่งนี้เป็น 7-10 ล้านคน รัฐบาลได้เตรียมอะไรไว้แล้วบ้าง นอกจาขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่สิ่งที่น่าผิดหวังคือการจัดทำงบประมาณในปีนี้ กลับไม่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม กับความจำเป็นตอนนี้ แถมยังมีข้อมูลหลายส่วนที่ส่อไปในทางทุจริต ฮั๊วประมูล ล็อกสเปก รัฐบาลกลายเป็นพ่อค้าหาบเร่ขายงบประมาณให้กลุ่มทุน" จากนั้น นายกฯ กล่าวชี้แจงว่า การจัดงบประมาณเป็นการวางโครงการไว้ในอนาคต เพราะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ถนน ยังไม่เพียงพอ และเตรียมสำหรับการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนาคต ทั้งนี้ตนพูดแล้วก็ทำ ไม่เหมือนหลายรัฐบาลที่ผ่านมาที่ไม่เคยทำแบบนี้ได้ ตนเห็นว่าทุกคนมีผลกระทบ อาจจะมีการลดค่าแรงไปบ้าง แต่ข้อสำคัญคือภาคเอกชนจ้างงานต่อ ส่วนการจัดเก็บงบประมาณไม่พอเพียง เนื่องจากบางปีมีการประมูลของ กสทช. หรือบางปีประชาชนเดือดร้อนก็จะเก็บไม่ได้เท่าที่ตั้งไว้ แต่ตอนนี้กำลังใช้ระบบออนไลน์มาตรวจสอบการจัดเก็บภาษีเพื่อชัดเจนมากขึ้น ช่วงนี้เป็นช่วงของการพื้นฟูและการส่งต่อแต่ต้องใช้เวลา การแจกเงินก็ไม่ใช่แจกเพื่อการเมืองคือหว่านให้ทุกคน แต่ต้องเลือกกลุ่มให้ถึงคนที่เดือดร้อนจริงๆ ด้าน นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ กับพวกใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ และเห็นว่าการกระทำของน.ส.ยิ่งลักษณ์มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มา ตรา 157 และมาตรา 123/1 ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอื่นเห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป ทั้งนี้ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็น พร้อมสำเนาไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 76 ต่อไป