นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางฮ็อป อินน์ ซึ่งมีสาขาทั่วประเทศทั้งในไทยและฟิลิปปินส์ ภายใต้การพัฒนาและบริหารโครงการโดย ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ได้กลับมาเปิดให้บริการโรงแรมทุกสาขาในประเทศไทยตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา โดยนำ 10 มาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด SafeStay at HOP INN สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มาใช้บริการ พร้อมนำรายได้ทั้งหมดของวันที่ 5 มิถุนายน 2563 ร่วมกับเงินสมทบจากพนักงาน รวมจำนวน 1 ล้านบาท บริจาคให้แก่โครงการ 63 บาท สู้โควิด-19 ปี 2563 ของสภากาชาดไทย สำหรับโรงแรมฮ็อป อินน์ทั้ง 40 แห่ง ได้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดโดยมีมาตรการด้านความสะอาดและปลอดภัย SafeStay at HOP INN 10 ประการ ดังนี้ 1. ลูกค้า พนักงาน และผู้มาติดต่อต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของโรงแรม 2.ตรวจวัดอุณหภูมิของพนักงาน ลูกค้า และผู้มาติดต่อ ซึ่งผู้ที่ถูกตรวจพบว่ามีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายในโรงแรม 3. ลูกค้าผู้มาใช้บริการต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างตามที่กำหนด ทั้งในขณะเช็คอินและโดยสารลิฟต์ 4.ติดตั้งฉากใสกั้นเคาน์เตอร์ต้อนรับ เพื่อความปลอดภัยทั้งของลูกค้าผู้มาใช้บริการและพนักงาน ส่วนข้อ 5.โรงแรมสนับสนุนการชำระค่าเงินผ่านระบบดิจิทัล เพื่อลดการสัมผัส 6.บริการเจลล้างมือแอลกอฮอล์ในพื้นที่ส่วนกลางและในลิฟต์ 7.พนักงานทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในพื้นที่ส่วนกลางของโรงแรมทุก 30 นาที ระหว่างเวลา 9.00 – 21.00 น. 8. โรงแรมใช้มาตรการยกระดับการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อในห้องพักทุกห้อง 9.ใส่ใจเรื่องการซักผ้าเพื่อยับยั้งไวรัสและแบคทีเรียทุกประเภท 10. ลูกค้าผู้ใช้บริการสามารถคืนคีย์การ์ด โดยใส่ลงในกล่องเช็คเอาท์ด่วน ที่จัดเตรียมไว้เพื่อลดการสัมผัส โดยโรงแรมฮ็อป อินน์ ได้นำเสนอบริการห้องพักคุณภาพด้วยมาตรฐานขั้นสูงระดับมืออาชีพ และยึดมั่นในหลักการสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ ความสะอาด ความสะดวกรวดเร็ว ความสบาย และสวัสดิภาพ ซึ่งผู้เข้าพักในโรงแรมฮ็อป อินน์ ทุกแห่ง สามารถมั่นใจถึงการได้พักผ่อนอย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย และประทับใจตลอดการเข้าพัก