TPS ตั้งบริษัทร่วมทุนกับ “ซูเพิร์บ คอมพ์” เสริมศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมลุยประมูลงานขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐ-เอกชน มั่นใจธุรกิจไอทีโตต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่ไม่กระทบต่อธุรกิจมากนัก อานิสงส์ผู้ประกอบการเอกชนแห่ปรับกลยุทธ์ธุรกิจรับกระแส New Normal โชว์ Backlog แน่น 624 ล้านบาท นายบุญสม กิจเกษตรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (TPS) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (MOU) กับบริษัท ซูเพิร์บ คอมพ์ จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ซึ่ง TPS ถือหุ้นในสัดส่วน 50% สำหรับการร่วมลงนาม MOU ในครั้งนี้เพื่อเข้าร่วมประมูลในโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งของภาครัฐและเอกชน “จุดมุ่งหมายของการร่วมทุน คือ การเพิ่มโอกาสในการเข้าประมูลงานใหม่ๆ งานที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น เป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทในการแข่งขัน รวมถึงสามารถขยายฐานลูกค้าของบริษัทได้อีกด้วย” สำหรับแผนการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปี 2563 บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานของภาครัฐซึ่งยังมีโปรเจคใหญ่ๆ อยู่ และมีการเข้าร่วมประมูลงานกับพันธมิตรด้วย อีกทั้งยังมีการปรับกลยุทธ์ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เพื่อช่วยรักษาระดับผลประกอบการของบริษัท ซึ่งที่ผ่านมา แม้จะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทยังสามารถรับงานด้านการจำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งงานด้านบริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขายได้ และมั่นใจว่า ภายหลังที่สถานการณ์คลี่คลายมากขึ้น ธุรกิจต่างๆจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ ประกอบกับองค์กรต่างๆมีการปรับตัวในการทำงานผ่านระบบ Video Conference พร้อมทั้งมีการติดตั้งและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัยมากขึ้น “เรามองว่า ธุรกิจ IT ยังมีการเติบโตที่ดี เนื่องจากปัจจุบัน หลายๆองค์กรมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของยุค New Normal และมั่นใจว่า ธุรกิจของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะ TPS ยังมี Backlog อยู่ในมือ 624 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2563 เกือบทั้งหมด โดยจะช่วยหนุนรายได้ในปีนี้ให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในปีนี้บริษัทคาดการณ์สัดส่วนรายได้จากภาครัฐ 40% ภาคเอกชน 60%”