เมื่อ การท่องเที่ยวฮ่องกงจัดงานประชุมออนไลน์เป็นครั้งแรก ในหัวข้อ Beyond COVID-19: Global Tourism’s New Normal พูดคุยเกี่ยวกับแนวโน้มการท่องเที่ยวของฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ ภูมิภาคเอเชีย และทั่วโลก ในยุคหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยมีตัวแทนหน่วยงานและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สื่อมวลชน และนักวิชาการ ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวรวมกว่า 4,000 คน เพื่อรับฟังมุมมองของบรรดาผู้นำคนสำคัญในแวดวงการท่องเที่ยวโลกถึงผลกระทบของสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงวิธีการรับมือที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะนำไปเป็นแนวทาง และแนวโน้มเทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาเดินทางได้อีกครั้งหลังหลังโควิด-19 สงบลง ร่วมมือกันหลายฝ่าย โดย ดร. วายเค แปง ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง กล่าวถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวของฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ ภูมิภาคเอเชีย และทั่วโลก ในยุคหลังสถานการณ์โควิด-19 ว่า ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะต้องสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว ถึงการเดินทางที่มีความปลอดภัย ดังนั้นจึงต้องอาศัยความร่วมมือในหลากหลายกลุ่มภูมิภาคและอุตสาหกรรม นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญของทุกฝ่ายที่มีอยู่ เพื่อหาทางออกร่วมกัน ทั้งนี้ ดร. แปง ได้กล่าวถึงแผนการดำเนินงานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฮ่องกงที่จะก้าวพ้นสถานการณ์โควิด-19 ว่า ได้มีการประกาศความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวฮ่องกงกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและธุรกิจการท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อสร้างแพลตฟอร์ม Open House Hong Kong ขึ้นมา โดยจะเป็นแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำระดับภูมิภาคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อบอกกับผู้คนทั่วโลกว่า ฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางที่ปลอดเชื้อโควิด-19 และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนด้วยข้อเสนอที่น่าสนใจและประสบการณ์การท่องเที่ยวแปลกใหม่ สร้างโอกาสในวิกฤติ ขณะที่ นายสตีฟ แซกซอน พาร์ทเนอร์จาก McKinsey & Company ตัวแทนผู้บริหารได้มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับความคิดเห็นและพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงอุปสรรคที่แวดวงการท่องเที่ยวต้องเผชิญหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาที่ท้าทายของมวลมนุษยชาติ แต่ในขณะเดียวกันกลับมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจและธุรกิจขยายกว้างไปไกลกว่าเดิม แม้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะสูญเสียรายได้รวมจากการท่องเที่ยวไปประมาณ 9 แสนล้าน – 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่การท่องเที่ยวทั่วโลกอาจจะกลับมาเติบโตในระดับก่อนหน้าช่วงโควิด-19 ในปี 2565 อีกครั้ง โดยมีประเทศจีน อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกาที่มีทิศทางการเติบโตเป็นบวกและโดดเด่น ซึ่งในปัจจุบันอัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวในจีนกลับมาอยู่ที่ระดับครึ่งหนึ่งของช่วงก่อนหน้าโควิด-19 อาจจะมาจากปัจจัยในเรื่องความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ในทางกลับกันยังมีโอกาสสำคัญของตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ ตลาดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่และครอบครัว เนื่องจากช่วงหลังโควิด-19 ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะท่องเที่ยวน้อยลง โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศ โดยกลุ่มประเทศที่มีโอกาสด้านตลาดท่องเที่ยวในประเทศมากที่สุด ได้แก่ จีน สหราชอาณาจักร และเยอรมนี เป็นต้น สร้างข้อเสนอที่ยืดหยุ่น ด้าน นางสาว เฮอร์ไมโอนี จอย หัวหน้าฝ่าย Travel & Vertical Search APAC จาก Google กล่าวว่าสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แทบต้องหยุดชะงักลง เมื่อคนทั่วโลกสนใจท่องเที่ยวกันน้อยลงกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงหน้าโควิด-19 (อ้างอิงจากข้อมูลสืบค้นของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต) ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ไม่สามารถใช้วิธีคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภคแบบเดิมได้อีกต่อไป โดยเฉพาะทัศนคติที่มีเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดังนั้นเวลานี้จึงต้องเฝ้ารอวันที่ผู้คนได้แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การท่องเที่ยว รวมทั้งมุมมองของผู้บริโภค และหลักการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถตอบสนองต่อยุค New Normal นี้ได้ ส่วน นางสาวเจน ซุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Trip.com Group กล่าวว่า ช่วงโควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ ทาง Trip.com Group ถูกยกเลิกการจองต่าง ๆ รวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านหยวน แต่พนักงานทุกคนต่างทำงานไม่หยุดนิ่ง ยังหวังที่จะพานักเดินทางและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก้าวผ่านช่วงเวลาดังกล่าวนี้ไปให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือกว่า 1 หมื่นล้านหยวนแก่พันธมิตรคู่ค้า และเวลานี้เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มควบคุมได้มากขึ้น และเริ่มเห็นยอดดีมานด์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จึงได้ออกกองทุนมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐแก่พันธมิตรธุรกิจ พร้อมข้อเสนอด้านการท่องเที่ยวที่ยืดหยุ่น ปลอดภัย และมีส่วนลดแก่ลูกค้าเพื่อช่วยให้ทั้งลูกค้าและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ไปต่อ สำหรับ นางสาวกลอเรีย เกวารา ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร World Travel & Tourism Council (WTTC) กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบครั้งใหญ่แก่สังคมและเศรษฐกิจโลก โดยงานวิจัยล่าสุด ระบุว่า คนจำนวนกว่า 197 ล้านคนเสี่ยงที่จะต้องตกงาน สร้างความสูญเสียแก่อัตราการเติบโต GDP ของการเดินทางและการท่องเที่ยวของโลกเป็นมูลค่ากว่า 5.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพราะฉะนั้นเพื่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว จึงต้องร่วมมือกันหาหนทางที่จะพลิกฟื้นอุตสาหกรรมนี้ให้ได้ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นใหม่ให้ผู้คนเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ทั้งนี้เครื่องหมายรับรอง Safe Travels ที่ WTTC เพิ่งประกาศออกไปนั้นจะช่วยให้นักท่องเที่ยวมั่นใจได้ว่าธุรกิจและเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกที่ดำเนินการตามข้อกำหนดสากลของ WTCC จะช่วยทำให้เกิดการเดินทางที่ปลอดภัยขึ้นทั่วโลกอีกครั้ง และน่าจะช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวกลับมาเปิดทำการได้บนแนวทางความร่วมมือเดียวกัน ร่วมกันฟื้นฟูธุรกิจ อย่างไรก็ตาม นายอเล็กซานเดอร์ เดอ จูนิแอค ผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร International Air Transport Association (IATA) กล่าวว่า การฟื้นฟูอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวสำคัญมาก เพราะชีวิตผู้คนหลายล้านคนขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ตอนนี้มีบางประเทศเริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง สำหรับการเรียกความเชื่อมั่นของผู้คนให้กลับมาเดินทางอีกครั้ง คือปัญหาความท้าทายที่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งอุตสาหกรรมการบินก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ได้ออกแนวทางแผนพัฒนาการเดินอากาศสากลเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ได้ดำเนินการและปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งการได้รับความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ผ่านพ้นสถานการณ์ดังกล่าวไปได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ นายปีเตอร์ ซี โบเรอร์ กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ Hong Kong and Shanghai Hotels Ltd กล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมงานบริการจะเดินหน้าขับเคลื่อนสู่ยุค New Normal โดยมีการดำเนินมาตรการดูแลด้านความปลอดภัยและสุขภาพอย่างเคร่งครัด ซึ่งเวลานี้อุตสาหกรรมโรงแรมได้เริ่มเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ และในวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ยิ่งทำให้เทรนด์เทคโนโลยีดังกล่าวสำคัญยิ่งขึ้น โดยการตลาดระยะสั้นจะต้องสร้างความเชื่อมั่นและความเชื่อใจของแขกที่มาเข้าพักมั่นใจถึงความปลอดภัย แต่สำหรับระยะยาว ปัจจัยพื้นฐานของงานบริการจะต้องได้รับการบริการชั้นเยี่ยมด้วยความประทับใจในแต่ละท่านโดยเฉพาะ อีกทั้ง นายไค ฮัทเทนดอร์ฟ กรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร The Global Association of the Exhibition Industry (UFI) กล่าวต่อว่า ในส่วนของงานนิทรรศการและอีเว้นท์ธุรกิจต่าง ๆ เป็นทั้งตลาดและสถานที่พบปะทางธุรกิจสำหรับทุกแวดวงอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยธุรกิจอีเว้นท์ เป็นหัวใจของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญและมาตรฐานการดูแลรับรองที่จะทำให้ผู้มาร่วมงานรู้สึกปลอดภัยในการเดินทางเข้าร่วมงานแต่ละครั้ง ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดขั้นตอนกระบวนการและมาตรฐานการจัดงานใหม่ ๆ และทำให้เทรนด์เทคโนโลยีที่เคยนำมาใช้ในงานอีเว้นท์ที่มีบริการออนไลน์สำหรับก่อน ระหว่าง และหลังงานอีเว้นท์มีความสำคัญมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้อีเว้นท์ธุรกิจมีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น แต่องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้งานประสบความสำเร็จยังคงเป็นการพบปะแบบเห็นหน้าและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยตรง โดยผู้ที่สนใจชมงานประชุม “Beyond COVID-19: Global Tourism’s New Normal” สามารถลงทะเบียนและชมวิดีโองาน ย้อนหลัง ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตามลิงก์ด้านล่างนี้ https://onlinexperiences.com/scripts/Server.nxp?LASCmd=AI:4;F:QS!10100&S...