พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงสถานการณ์โควิด-19 ว่า อยากให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์ภายนอกประเทศ เราสนใจสถานการณ์ภายในประเทศคงไม่พอ ที่บอกไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศเป็นศูนย์มา 28-29 วัน แต่เรายังพบผู้ติดเชื้อในสถานกักกันของรัฐที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ มันควรจะเลิกได้ทั้งหมดหรือยัง ก็ต้องดูต่างประเทศเขาด้วยเป็นอย่างไร เพราะเชื้อโรคเหล่านี้บางครั้งยังไม่แสดงอาการ เพราะส่วนใหญ่ที่ตรวจพบเชื้อก็จะพบในระยะฝักตัวเกือบจะวันที่ 14 ฉะนั้นวันนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบกันต่อไปด้วยความเข้มงวด ไม่อย่างนั้นจะกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งคงลำบาก เพราะหลายประเทศมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ทั้งโลกมีติดเชื้อจะ 9 ล้านคนแล้ว หลายประเทศหายไปแล้วแต่กลับมาระบาดใหม่ เพราะเกิดจากการเปิดประเทศ เกิดจากการเปิดกิจกรรมต่างๆที่มีความเสี่ยงสูง นายกฯกล่าวว่า ฉะนั้นถ้าเราอยากจะทำงานให้มีอาชีพ มีรายได้ ต้องป้องกันตัวเอง สถานประกอบการต่างๆที่ขอมาตนก็เห็นใจ แต่ท่านก็ต้องมีมาตรการของท่านเอง นอกจากมาตรการของรัฐด้วย มันอาจจะไม่เหมือนเดิมนี้คือ New Normal การแสดงดนตรีอาจจะต้องมีที่กั้น ยังปล่อย 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะโอกาสกลับมาระบาดใหม่ยังมีอยู่ ในส่วนเรื่องของการท่องเที่ยวก็มีการพิจารณากันอยู่ โดยจะพิจารณาการท่องเที่ยวในประเทศก่อน แต่จะให้ต่างประเทศเข้ามาต้องพิจารณาความเหมาะสมในห้วงเวลาก่อน แต่เราก็ต้องหาวิธีการที่เหมาะสม นายกฯกล่าวว่า ส่วนการทำงานที่บ้านวันนี้น่าจะลดลงเพราะสถานการณ์ดีขึ้น หลายคนก็ต้องกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง รวมไปถึงภาคธุรกิจ เอกชน ส่ิงที่ตนเน้นย้ำคือการเหลื่อมเวลา การทำงานทั้งภาครัฐ เอกชน สังคม ถ้าทำได้ก็ช่วยแก้ปัญหาจราจรได้ ซึ่งสัมพันธ์กับเรื่องเหลื่อมเวลาเรียนของเด็ก นอกจากผู้ปกครองที่มีลูกหลานต้องไปส่งที่โรงเรียน หากเหลื่อมเวลาการทำงาน คนในส่วนนี้ก็จะสบายใจขึ้น ซึ่งตนได้ให้แนวทางให้โรงเรียนเปิดเหลื่อมเวลาระหว่างชั้นเรียน มีการเรียนการสอนที่น้อยลง นี้ก็คือ New Normal พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการต่ออายุการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งจะหมดอายุ‪ในวันที่ 30 มิ.ย.‬กำลังพิจารณาอยู่ เมื่อมีความจำเป็นก็ต้องใช้ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีความจำเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในวันนี้ก็เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ปลอดภัยอยู่ทุกวันนี้ต้นบอกมาหลายครั้งแล้วว่าถ้ามันจำเป็นก็จำเป็นแต่จะพยายามผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นการใช้กฎหมายในเชิงบูรณาการถ้าเราไม่คอนโทรลตรงนี้ก็คงไม่ได้อย่างนี้ ซึ่งจากการหารือจากคณะทำงานทุกฝ่ายทุกคนก็มีความเห็นชอบในทุกๆเรื่องการจะต่อหรือไม่ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  ไม่ใช่จากตนเพียงคนเดียว ทั้งนี้อยากให้ย้อนกลับไปดูว่าถ้าเราทำแบบเดิม ไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  ไม่มีมาตรการป้องกันโควิชด 19 จะมาถึงวันนี้หรือไม่ แล้ววันนี้สถานการณ์มันจบแล้วหรือยังวันนี้สถานการณ์ยังไม่จบทั่วโลกยังมีการติดเชื้อมีการแพร่ระบาดเกือบจะ 10,000,000 คนอยู่แล้ว “ผมไม่ได้ต้องการจะใช้กฎหมายมากดดันใครเลย หลายคนก็มาจ้องเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวว่าเป็นเรื่องทางการเมืองซึ่งมันเป็นคนละเรื่อง แล้วทำไมต้องมาจ้องกันตรงนี้ ทำไมจะต้องมาเคลื่อนไหวกันตอนนี้ บ้านเมืองกำลังมีปัญหา การค้าการลงทุนก็ยังมีปัญหา เศรษฐกิจโดยรวมก็มีปัญหา แต่ก็จะขัดแย้งกัน มันใช่เวลาหรือไม่ ลองคิดตรงนี้ดู และนี่คือแนวคิดรวมไทยสร้างชาติเข้าใจหรือไม่” นายกฯ กล่าว