วันที่ 22 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ. สงขลา มีเรื่องราวความรักต่างเผ่าพันธุ์ระหว่างหนุ่มคนเมืองกับสาวชาวเงาะป่าซาไก ที่อยู่กินกันมากว่า 30 มีลูกด้วยกัน3 คน และยังคงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในป่าจนถึงปัจจุบัน โดยฝ่ายชายชื่อ นายอนันต์ จันทร์คง อายุ 63ปี หรือพี่ม่อน พื้นเพเดิมเป็นชาวอ.ระโนด จ.สงขลา ส่วนฝ่ายหญิงคือ นางย๊ะ อายุ 60 ปี เงาะป่าซาไกหรือชนเผ่ามานิ ซึ่งเดิมอาศัยอยู่ในป่าวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ปัจจุบันทั้งคู่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานสร้างทับหรือที่อยู่อาศัยร่วมกับชาวเงาะป่าคนอื่นๆอีก2ครอบครัว รวม 18 คน ใกล้กับน้ำตกบริพัตร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง ในต.เขาพระ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา มาหลายสิบปี และทั้งสองคนก็ยังใช้ชีวิตสร้างทัพอยู่ด้วยกัน และมีลูกด้วยกัน3 คน และลูกๆก็สร้างทัพอยู่ที่นี่เช่นกัน โดยมีนายอนันต์ หรือ พี่ม่อน คอยทำหน้าที่ดูแลเงาะป่ากลุ่มนี้และช่วยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนมีบัตรประชาชนและใช้นามสกุล”ศรีบริพัตร”ซึ่งเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จย่า นายอนันต์ ได้เล่าเรื่องราวความรักของตนกับนางย๊ะ สาวชาวเงาะป่าว่า ย้อนหลังไป 30 ปีก่อน ตนเข้าป่าล่าสัตว์กับเพื่อนที่บ้านวังประจันและไปพบกับชาวเงาะป่ากลุ่มนี้รวมทั้ง นางย๊ะ ภรรยา เมื่อเข้าป่าหลายๆครั้งก็สนิทสนมและชอบพอกัน จึงตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยไปพูดกับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเพื่อให้รับรู้ ซึ่งทั้งสองก็ไม่ขัดเพราะลูกสาวก็ชอบพอตนด้วย เริ่มแรกตนก็อยู่ด้วยกันในป่ากับภรรยาบ้างและในสวนที่บ้านวังประจันบ้าง แต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ในป่าที่อ.รัตภูมิ มีลูกด้วยกัน 3 คนหัวปีท้ายปี คนโตอายุ 26ปี และตอนนี้ลูกๆกับภรรยาและพ่อตาแม่ยายก็ยังคงอาศัยอยู่ที่ทับใกล้กับน้ำตกบริพัตรแห่งนี้ นายอนันต์ ยังบอกอีกว่า ตนจะคอยดูแลให้เงาะป่าหรือชาวมานิ "ศรีบริพัตร" กลุ่มนี้มีวิถีชีวิตให้เหมือนเดิมมากที่สุดเพื่อไม่ให้กลืนไปกับชีวิตคนเมือง และร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้างในการช่วยดูแลผืนป่าคอยแจ้งข่าวสารผู้บุกรุกหรือผู้ที่มาล่าสัตว์ให้เจ้าหน้าที่ทราบทุกครั้งที่ออกอาหารในป่า อย่างไรก็ตามในส่วนของ นางย๊ะ ภรรยาของนายอนันต์ นั้นในวันที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังทัพเงาะป่าซาไกกลุ่มนี้ นางย๊ะ ไม่อยู่ในทับเนื่องจากถูกงกะปะกัดที่เท้าถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลรัตภูมิ