การเมืองร้อนระอุ! "พรรคประชานิยม"กั๊กซบ"พปชร."หลัง"ยงยุทธ"รับยื่นกกต.ขอเลิกกิจการ อ้างไปต่อไม่ไหว แต่อยู่พรรคฝ่ายรัฐบาลแน่ "บิ๊กป้อม"ขอบคุณชาวลำปางเทคะแนนหนุน "พปชร."ซิวส.ส. พร้อมชู"ธรรมนัส" กำลังสำคัญ "ซูเปอร์โพล"ชี้เยาวชนมองผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองมีแต่จ้องแย้งตำแหน่งในพรรคการเมือง-ถอนทุนคืน-คิดคด ทรยศ หักหลัง ฆ่าลูกน้อง ขณะที่"โฆษกพลังธรรมใหม่"จ่อ ยื่นจม.เปิดผนึกถึงอัยการสูงสุดจี้ทบทวนคำสั่งไม่อุทธรณ์คดี"โอ๊ค"ฟอกเงิน ส่วน"ญาติวีรชน"ออกแถลงการณ์บี้รัฐบาลขอนิรโทษกรรมนักการเมือง พร้อมฝาก "ทักษิณ"อยากกลับบ้านต้องพิสูจน์ตัวเอง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.63 พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ หัวหน้าพรรคประชานิยม เปิดเผยถึงกระแสข่าวเตรียมยุบรวมกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)โดยยอมรับมีกรรมการบริหารพรรคลาออกจำนวน 9 คน จึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ก่อนที่ทุกคนจะมีมติร่วมกันว่าดำเนินการต่อไปไม่ไหว เพราะต่างคนต่างมีภารกิจของตัวเอง และไม่สามารถแบกรับภาระได้ จึงได้ทำเรื่องถึงกกต. เพื่อขอแจ้งการเลิกกิจการพรรคฯ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งใช้รูปแบบเดียวกับกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ดำเนินการยื่นยุบพรรคประชาชนปฏิรูปก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานะส.ส.ของตนเองที่จะต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดจะเป็นพรรคพลังประชารัฐตามกระแสข่าวหรือไม่นั้น ทุกอย่างจะต้องรอขั้นตอนต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน จะไปบอกว่าอยู่พรรคโน้นพรรคนี้คงไม่ได้แต่ที่ชัดเจน เรายังอยู่พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลแน่นอน เพราะเราสนับสนุนการทำงานมาตั้งแต่ต้น ส่วนจะเป็นพรรคไหนให้ว่ากันไปตามกระบวนการ ส่วน นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มพรรคเล็ก11 พรรค ที่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลจะเสนอ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นตัวแทนของพรรคขนาดเล็ก เข้าร่วมเป็นรัฐมนตรี เพราะเป็นคนเก่ง และมีความสามารถ โดยเตรียมจะเสนอต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะที่เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลในสัปดาห์นี้ ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวจ.ลำปางทุกคน ที่ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐคือ นายวัฒนา สิทธิวัง จนได้รับคะแนนห่างจากคู่แข่งเกือบเท่าตัว โดยพรรคพร้อมที่จะดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนและขอขอบคุณทีมงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งซ่อม รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกำลังสำคัญในการช่วยผู้สมัครหาเสียงและลงพื้นที่สร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชน จนทำให้ประชาชนเชื่อและศรัทธาพรรคอย่างที่ปรากฏผลคะแนนออกมาแล้ว และขอขอบคุณทีมงานของพรรคทุกคน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกประกาศคณะกรรมการการเลือก ตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดลำปาง โดยจำนวนคะแนนที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ละคนได้รับ เรียงตามลำดับผู้ได้คะแนนสูงสุด ดังนี้ 1.นายวัฒนา สิทธิวัง พรรคพลังประชารัฐ 61,914 คะแนน2.ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ พรรคเส รีรวมไทย 38,336 คะแนน3.นางสาวปทิตตา ชัยมูลชื่น พรรคเศรษฐกิจใหม่ 2,465 คะแนน4.นายอำพล คำศรีวร รณ พรรคพลังท้องถิ่นไท 292 คะแนน5.นายองอาจ สินอนันต์เศรษฐ์ พรรคไทรักธรรม 227 คะแนน ขณะที่ ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจประชาชน เรื่องการเมืองกับเยาวชน โดยการประพฤติตัวปฏิบัติตนของ ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคการเมือง แบบอย่างแก่เด็กและเยาวชน พบว่า ร้อยละ 91.8 ระบุ แย่งตำแหน่งรัฐมนตรี จ้องจะถอนทุนคืน รองลงมาคือ ร้อยละ 88.7 ระบุ คิดคด ทรยศ หักหลัง ฆ่าลูกน้อง และเพื่อนร่วมต่อสู้กันมา แบบเสร็จนาฆ่าโคทึก ร้อยละ 86.1 ระบุ กร่าง หัวร้อนใช้อำนาจบาตรใหญ่หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ร้อยละ 78.1 ระบุ มีภาวะตัณหาอยากมีอยากเป็น ขณะที่ร้อยละ 89.6 ระบุไม่ดีเลย แย่สุดๆในเรื่องแบบอย่างที่เยาวชนได้รับจากการทำตัวของผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคการเมือง ร้อยละ 91.4 ระบุเยาวชนจะไม่เชื่อไม่ทำตาม เมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลชี้แนะและสั่งสอน มีเพียงร้อยละ 8.6 ระบุ เชื่อฟัง ทำตาม นอกจากนี้ ร้อยละ 92.9 ระบุ การทำตัวของผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองกำ ลังไปสู่การเมืองเก่า ที่มีแต่ทุจริต คอรัปชั่น ไม่ซื่อสัตย์ ร้อยละ 77.2 ระบุ ไม่เห็นผลงานรัฐบาลทำอะไรที่ดูแลเอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่ของเยาวชนเลย ในขณะที่ร้อยละ 22.8 เห็นผลงาน วันเดียวกัน นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าช่วงที่ผ่านมาหลังจาก นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ได้ลงนามแทนอัยการสูงสุดสั่งไม่อุทธรณ์คดี นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คงรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาจากสังคมเสียงวิจารณ์ของประชาชนถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงความเคลือบแคลงสงสัยว่าเหตุใดอัยการถึงเลือกจบเส้นทางในคดีนี้เพียงแค่ศาลชั้นต้น ทั้งที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เจ้าของคดีมีความเห็นควรนำคดีขึ้นสู่ศาลสูง และที่สำคัญหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาได้ชี้ว่านายพานทองแท้มีความผิดจริงสมควรจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา "ผมเห็นว่าเวลาที่เหลืออีก 4 วัน จนถึงวันที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้ขยายระยะเวลาการยื่นอุธรณ์ให้ถึงวันที่ 25 มิ.ย.นี้ อัยการสูงสุดยังพอมีเวลา ซึ่งถือว่าเป็นห้วงเวลาที่สำคัญและควรใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผมยังเชื่อมั่นในจุดยืนของท่านอัยการสูงสุด และเชื่อมั่นในสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งต้องดำรงไว้ซึ่งความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินและคงไว้ ซึ่งความถูกต้องเป็นธรรม และผมจะเป็นตัวแทนพรรคพลังธรรมใหม่ เดินไปทางยื่นจดหมายดังกล่าวที่สำนักงานอัยการสูงสุดในวันที่ 22 มิ.ย.เวลา 09.00 น." ขณะที่ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 และอดีตคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 เรื่อง "หยุดฉีกสัญญาประชาคม แบ่งแยกแล้วปกครอง เดินหน้าสู่การปรองดอง หลอมรวมคนไทยทุกภาคส่วน" ระบุว่า จากกรณีที่มีรายงานว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งให้ทีมงานไปรวบรวมรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีการเมืองทั้งหมด เพื่อนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการนิรโทษกรรมคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง แต่โฆษกประจำสำนักนายกฯกลับปฏิเสธว่าไม่มีมูลความจริงนั้น คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 มีข้อเสนอแนะและข้อเรียกร้อง 5ข้อ อาทิ เรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ และเดินหน้าปฏิรูปประเทศและสร้างความสมานฉันท์ปรองดองแห่งชาติ ก่อนที่จะสายเกินไป โดยมีข้อเสนอแนวทางการปรองดองและสมานฉันท์ที่ชัดเจน เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในอดีตและเดินหน้าพัฒนาการประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการนิรโทษกรรมการเมืองแก่นักโทษทางการเมืองและนักโทษทางความคิด รวมถึงผู้ลี้ภัยทางการเมืองต่างๆ โดยนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง ภายใต้สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่ได้ศึกษาไว้แล้ว รวมถึงกระบวนการและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มี นายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ซึ่งได้เสนอไว้อย่างครบถ้วน เพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ นำหลักความเป็นธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน และความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ มาใช้ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของคนในชาติ "การปรองดองสมานฉันท์จะสำเร็จลุล่วงได้ทุกภาคส่วนในสังคมจะต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันต้องเปิดใจกว้างให้อภัยซึ่งกันและกัน พร้อมให้ความร่วมมือ และต้องทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง อย่าให้มีวาระซ่อนเร้นเหมือนครั้งที่มีการผลักดัน พ.ร.ก.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย จนนำไปสู่ความขัดแย้งบานปลาย ดังนั้นจึงขอฝากถึงนายทักษิณ ชินวัตร ถ้าอยากกลับบ้านแบบเท่ๆ ต้องรู้จักการอดทนรอคอยและพิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อน ต้องเสียสละให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรม แต่กลับได้รับความทุกข์ทรมานให้ได้รับการเยียวยาและเกิดสามัคคีของคนในชาติก่อน จากนั้นคนในชาติจะพิจารณาเองว่าจะให้โอกาสนายทักษิณหรือไม่อย่างไร"