ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ชื่นชมระบบสาธารณสุขที่ประเทศไทยต้องการอย่างที่สุด การผสมผสานความเชี่ยวชาญในการรักษาและประสบการณ์กับการดูแลอย่างองค์รวม เป็นสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่ดูแต่โรค ดูตัวเลข ค่าแลบ ดูฟิล์มรูปภาพคอมพิวเตอร์ ที่ดูคือ ดูคนป่วยและคนในครอบครัว ว่าจะดูแลกันได้อย่างไรและโรคที่ผู้ป่วยเป็น เป็นชนิดที่ทำให้คนในครอบครัวมีความเสี่ยงที่จะเป็นด้วยหรือไม่ เช่น โรคสมองเสื่อมและโรคทางกายเช่นเบาหวาน
ทั้งนี้ หมอธีระวัฒน์ ได้ระบุถึงโพสต์เฟซบุ๊กของ Lithong Phatharapreeyakul โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ที่ว่า “หมอศัลยกรรมระดับเชี่ยวชาญหรือซี 9 ท่านหนึ่ง ที่ต่ออายุราชการผันตัวเองจากมือผ่าตัดมาสู่แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว (family medicine)ในชื่อ “ทีมหมอครอบครัว (family care team) มาเป็นผู้นำทีมในบทบาทของ”แพทย์” ซึ่งต้องรักษาโรคเป็นหลัก
การเข้าสู่ทีมหมอครอบครัวนั้น นำไปสู่การค้นหาสาเหตุของการเกิดเจ็บป่วยของทุกโรค บ้านและชุมชนจึงเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญของมนุษย์ทุกคน ศาสตร์และศิลป์ในการเยียวยาผู้ป่วยจึงไม่จบที่โรงพยาบาล การดำเนินงานของทีมหมอครอบครัวจึงต้อง “ทำงานนอกรั้วโรงพยาบาล” เวชศาสตร์ครอบครัวเป็นศาสตร์ของการเยียวยาคนหนึ่งคน ต้องมองเห็นคนทั้งคน ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณ
นับตั้งแต่หมอท่านนี้เข้ามาทีม ในฐานะของพยาบาลชุมชน(ซึ่งเป็นพยาบาลศัลยกรรมมาก่อน) ครั้งแรกคิดว่าหมอท่านนี้คงมาแค่ตรวจคนไข้ในคลินิกหมอครอบครัวเท่านั้น “เพราะท่านเคยอยู่แต่ห้องผ่าตัดและเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ไม่เลย หมอทำหน้าที่ของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวสมบูรณ์” หมอเป็นกำลังหลักให้ทีม เป็นที่ปรึกษา เป็นคนดูแลทุกวิชาชีพในทีม ซึ่งพยาบาลชุมชนอย่างเรารู้สึกได้ว่า “ทุกครั้งที่ออกเยี่ยมบ้าน ไม่ว่าจะโรคเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยพิการยากไร้ผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกล รพ.หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่เข้าสู่ภาวะสุดท้ายของชีวิต หมอได้ใช้ศาสตร์และศิลป์ในความเป็นแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัวด้วยหัวใจ”
มิติสุขภาพ กาย ใจ สังคม อาจมีหน่วยวัดตวงได้เป็น กิโลกรัม มิลลิเมตรปรอท เซนติเมตรหรือ จำนวนคน จำนวนหมู่บ้าน แต่มิติทางจิตวิญญาณ มันต้องใช้ใจสัมผัส ทุกครั้งที่ทำงานนี้ เราเห็น “รอยยิ้มของคนไข้ รอยยิ้มของหมอ หมอฟัน พยาบาล นักกายภาพบำบัด แพทย์แผนไทย นักโภชนาการ นักสังคมสงเคราะห์และอื่นๆ
นั่นคือ ใจมันอิ่มเต็ม นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า “Humanized care♥️”ในตำรา
“ขอบคุณอาจารย์หมอธนบูลย์ Thanaboon Wongsirichat อย่างเป็นทางการในวันครบรอบทีมหมอครอบครัวรพร.สระแก้วสมบูรณ์”
#FamilyCareTeam
#SakaeoCrownPrinceHospital
#HomeCareSCPH
#คลินิกหมอครอบครัวสระแก้ว”
ทั้งนี้ หมอธีระวัฒน์ ได้ระบุถึงโพสต์เฟซบุ๊กของ Lithong Phatharapreeyakul โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ที่ว่า “หมอศัลยกรรมระดับเชี่ยวชาญหรือซี 9 ท่านหนึ่ง ที่ต่ออายุราชการผันตัวเองจากมือผ่าตัดมาสู่แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว (family medicine)ในชื่อ “ทีมหมอครอบครัว (family care team) มาเป็นผู้นำทีมในบทบาทของ”แพทย์” ซึ่งต้องรักษาโรคเป็นหลัก
การเข้าสู่ทีมหมอครอบครัวนั้น นำไปสู่การค้นหาสาเหตุของการเกิดเจ็บป่วยของทุกโรค บ้านและชุมชนจึงเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญของมนุษย์ทุกคน ศาสตร์และศิลป์ในการเยียวยาผู้ป่วยจึงไม่จบที่โรงพยาบาล การดำเนินงานของทีมหมอครอบครัวจึงต้อง “ทำงานนอกรั้วโรงพยาบาล” เวชศาสตร์ครอบครัวเป็นศาสตร์ของการเยียวยาคนหนึ่งคน ต้องมองเห็นคนทั้งคน ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณ
นับตั้งแต่หมอท่านนี้เข้ามาทีม ในฐานะของพยาบาลชุมชน(ซึ่งเป็นพยาบาลศัลยกรรมมาก่อน) ครั้งแรกคิดว่าหมอท่านนี้คงมาแค่ตรวจคนไข้ในคลินิกหมอครอบครัวเท่านั้น “เพราะท่านเคยอยู่แต่ห้องผ่าตัดและเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ไม่เลย หมอทำหน้าที่ของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวสมบูรณ์” หมอเป็นกำลังหลักให้ทีม เป็นที่ปรึกษา เป็นคนดูแลทุกวิชาชีพในทีม ซึ่งพยาบาลชุมชนอย่างเรารู้สึกได้ว่า “ทุกครั้งที่ออกเยี่ยมบ้าน ไม่ว่าจะโรคเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยพิการยากไร้ผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกล รพ.หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่เข้าสู่ภาวะสุดท้ายของชีวิต หมอได้ใช้ศาสตร์และศิลป์ในความเป็นแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัวด้วยหัวใจ”
มิติสุขภาพ กาย ใจ สังคม อาจมีหน่วยวัดตวงได้เป็น กิโลกรัม มิลลิเมตรปรอท เซนติเมตรหรือ จำนวนคน จำนวนหมู่บ้าน แต่มิติทางจิตวิญญาณ มันต้องใช้ใจสัมผัส ทุกครั้งที่ทำงานนี้ เราเห็น “รอยยิ้มของคนไข้ รอยยิ้มของหมอ หมอฟัน พยาบาล นักกายภาพบำบัด แพทย์แผนไทย นักโภชนาการ นักสังคมสงเคราะห์และอื่นๆ
นั่นคือ ใจมันอิ่มเต็ม นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่า “Humanized care♥️”ในตำรา
“ขอบคุณอาจารย์หมอธนบูลย์ Thanaboon Wongsirichat อย่างเป็นทางการในวันครบรอบทีมหมอครอบครัวรพร.สระแก้วสมบูรณ์”
#FamilyCareTeam
#SakaeoCrownPrinceHospital
#HomeCareSCPH
#คลินิกหมอครอบครัวสระแก้ว”