กองปราบ ร่วมกับ ปส.ภูธรภาค 8 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. และกำลัง “หนุมาน” บุกตรวจค้น 12 จุด รวมร้านทอง ย่านวังบูรพา เกี่ยวฟอกเงินยาเสพติด "ดาวเรือง" พบมีเวียนกว่า 3 พันล้าน! ล่าสุดเตรียมประสานสรรพากรไล่เบี้ยภาษีร้านทองชื่อดังวังบูรพา ร่วมขบวนการฟอกเงินยานรก วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก).ร่วมกับ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 8. พร้อมด้วยหน่วยปฏิบัติการพิเศษชุด “หนุมาน” กองปราบ และเจ้าหน้าที่ ปปง. ได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายทั่วภาคใต้ 10 จุดรวมทั้งร้านทองย่านวังบูรพา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการขยายผลว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่ได้มาจากยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยการเปิดปฏิบัติการฟอกเงินยาเสพติดรายใหญ่ครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายปิยรัช นิดคง สมาชิก อบต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เข้ามาร้องเรียนกับตำรวจกองปราบฯว่า ถูกกลุ่มคนร้ายใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มบ้านถึง 2 ครั้ง มีสาเหตุจากนายปิยรัชพยายามตรวจสอบและเปิดโปงการทุจริตหลายโครงการใน อบต.บางดี ทำให้ผู้บริหาร อบต.บางดี บางคนเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ไม่พอใจถึงกับจ้างกลุ่มมือปืนมาก่อเหตุ หลังทราบเรื่อง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป. จัดชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ป.ลงพื้นที่สืบหาเบาะแส ก่อนนำทีมลงพื้นที่ จ.ตรัง ติดตามจับกุมนายธีระพร หรือหมี ชูเมือง อายุ 40 ปี และนายณัฐวุฒิ หรือตูม คชแก้ว อายุ 29 ปี พร้อมพวก 10 คนได้เมื่อวันที่ 22 ต.ค.62 ตรวจสอบประวัตินายธีระพรมีพฤติการณ์เป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่รู้จักในชื่อ “ดาวเรือง” มีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ กทม. รวมถึงเครือข่ายอื่นๆตามเรือนจำอีกหลายแห่ง ลักลอบนำยาเสพติดจากประเทศเมียนมา เข้ามาจำหน่ายให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ จ.ตรัง และพื้นที่อื่นๆในภาคใต้ มี น.ส.ดาวเรือง สมแสง ผู้ต้องหาคดียาเสพติดถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นผู้ประสานงานทำหน้าที่รับโอนเงินค่ายาเสพติดจากเครือข่ายต่างๆ และถ่ายโอนไปยังบัญชีอื่นๆ ชุดสืบสวน กก.6 บก.ป.จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ ปปง.ช่วยตรวจสอบ เบื้องต้นพบเส้นทางการเงินของ น.ส.ดาวเรือง สมแสง มีการโอนเงินค่ายาเสพติดเข้า-ออกกับบัญชีอื่นๆมากถึง 113 บัญชี 1 ในนั้นเป็นบัญชีธนาคารของ บจก.ชมพู (บ้วนหลี) 645-647 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. ประกอบกิจการ เกี่ยวกับการจำหน่ายทองรูปพรรณ ได้รับโอนเงินจาก น.ส.ดาวเรือง เข้ามา 1.5 ล้านบาท และยังมีเงินจาก เครือข่ายนายธีระพรโอนเข้ามาอีกหลายล้านบาท ตรวจสอบผลประกอบการย้อนหลังตั้งแต่ปี 58-61 พบบริษัทมีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างผิดสังเกต ในปี 58 บริษัทมีรายได้เพียง 41 ล้านบาท กระทั่งปี 60 มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,338 ล้านบาท และในปี 61 มีรายได้ถึง 3,008 ล้านบาท โดยการตรวจค้นครั้งนี้ได้จุบกุมผู้เกี่ยวข้องได้ 10 ราย ในคดีร่วมกันฟอกเงินทั้งหมดให้การปฏิเสธและมีการการประกันตัวไปบ้างแล้วโดยเฉพาะประธานบริษัทชมพูซึ่งมีนางชมพู หวังเจริญ เป็นเจ้าของ ขณะนี้ ปปง.อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารเส้นทางการเงิน เพื่อยึดอายัดทรัพย์ต่อไป ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป. ได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ป. ประชุมหารือร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อวางแนวทางการขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆของบริษัทบจก.ชมพู (บ้วนหลี) เพื่อหาความเชื่อมโยงไปยังผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นๆ และตรวจสอบให้แน่ชัดว่านอกเหนือจากเงินที่ได้รับจากขบวนการยาเสพติดมาฟอกเงินนั้นยังมีเงินผิดกำหมายจากธุรกิจสีเทาอย่างอื่นอีกด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ทางชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวยังได้เตรียมประสานขอความร่วมมือไปยังกรมสรรพากร เข้าตรวจสอบธุรกรรมการเงินผลประกอบการของบริษัทดังกล่าวย้อนหลังในช่วงหลายปี เพื่อดูว่าที่ผ่านมามีการหลบเลี่ยงชำระภาษีการประกอบกิจการร้านทองตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ตามหลักพฤติกรรมศาสตร์การฟอกเงินของขบวนการยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน เดิมทีเมื่อได้เงินค่ายาเสพติดจากเอเย่นต์ยาเสพติดในประเทศไทยแล้ว กลุ่มผู้ค้ายาข้ามชาติจะใช้วิธีลำเลียงเงินสดกลับไปยังพื้นที่ของตนเองผ่านทางช่องทางธรรมชาติ แต่เนื่องจากวิธีการขนย้ายเงินจำนวนมากข้ามประเทศนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ก่อน จึงเริ่มหันมาใช้วิธีการฟอกเงินแปรเปลี่ยนให้เป็นเงินถูกกฎหมาย ในลักษณะของการลงทุน โดยจากแนวทางสืบสวนพบว่าวิธีการฟอกเงินของขบวนการยาเสพติดในลักษณะการลงทุนนั้นจะมีด้วยกันประมาณ 4 ประเภท คือ 1.ลงทุนทำธุรกิจซื้อขายทองคำกับร้านทอง 2.การลงทุนซื้อขายน้ำมันข้ามประเทศ 3.การลงทุนธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และ 4.การลงทุนธุรกิจซื้อขายอุปกรณ์ทางการเกษตร