เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 18 มิ.ย.63 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต รอง ผบช.ภ. 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม 2 ผู้ต้องหา เครือข่ายพ่อค้ายาเสพติด นายน้ำ ชาว สปป.ลาว ประกอบด้วย นาย พิเชษฏ อำนาจประเสริฐ หรืออ๊อฟ อายุ 30 ปี และนายธวัฒชัย แซ่ตั้ง หรืออาร์ท อายุ 24 ปี ทั้งคู่เป็นชาว อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 69,800 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนักรวม 1.31 กิโลกรัม เงินสดจำนวน 12,000 บาท สมุดบัญชีลูกค้ายาเสพติดในหลายพื้นที่จำนวน 2 เล่ม รถจักรยานยนต์คาวาซากิ นินจา สีเขียว หมายเลขทะเบียน คมว 555 เชียงราย และ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ซีบีอาร์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองขอนแก่นออกปฏิบัติหน้าที่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พบชายลักษณะมีพิรุธยืนอยู่หน้าร้านค้าสะดวกซื้อ บริเวณสี่แยกตลาดบ้านโนนทัน ทราบชื่อภายหลังคือนายธวัฒชัย จึงเข้าขอทำการตรวจสอบก่อนจะตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 20,000 เม็ด และยาไอซ์น้ำหนัก 0.2 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย จึงทำการสอบสวนโดยนายธวัฒชัย รับสารภาพว่ายังมียาบ้าที่เหลือซุกซ่อนอยู่ที่ห้องพักไม่มีชื่อ ภายในบ้านโนนทัน จึงคุมตัวไปตรวจค้นพบยาบ้าเพิ่มอีก 8,000 เม็ด รวมเป็น 28,000 เม็ด และยาไอซ์ 0.2 กิโลกรัม จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น
" จากการสอบสวนนายธวัฒชัน ให้การซัดทอดว่ารับยาบ้าและยาไอซ์มาจากนายพิเชษฎ เพื่อนชาว จ.อุดรธานี เพื่อนำมาขายให้กับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้รับจ้างในราคาเม็ดละ 1 บาท หากส่ง 1 มัดซึ่งมี 2,000 เม็ดก็จะได้เงิน 2,000 บาท ส่วนยาไอซ์จะคิดน้ำหนักเป็นขีด หรือ 100 กรัม ถ้าขายได้ จะได้ค่าจ้าง 2,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงวางแผนจับกุมนายพิเชษฎ ซึ่งอยู่หอพักเดียวกันแต่คนละห้อง เมื่อไปถึงพบว่าห้องพักล็อคกุญแจอยู่ จึงได้ซุ่มดักรอจนนายพเชษฎกลับมาที่ห้องพัก ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม โดยจากการค้นตัวพบยาบ้าจำนวน 7,000 เม็ดอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะเข้าไปตรวจค้นภายในห้องพักได้ยาบ้าเพิ่มอีกจำนวน 34,800 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 1.29 กิโลกรัม ซึ่งยาเสพติดทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้าของนายพิเชษฎ จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น ทั้งคู่"
รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า นายพิเชษฎให้การรับสารภาพอ้างว่า รับยาเสพติดทั้งหมดมาจากนายน้ำ ไม่ทราบชื่อสกุล เป็นชาว สปป.ลาว โดยรอบนี้รับยาบ้ามาจำนวน 100 มัด หรือ 200,000 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 5 กิโลกรัม นำมากระจายส่งขายให้ลูกค้าในพื้นที่อำเภอต่างๆทั่วทั้งจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดข้าวเคียง โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเงินต่อการไปส่งยาบ้าและยาไอซ์ในรอบนี้ทั้งหมด 200,000 บาท แต่ยังไม่ทันได้รับเงินก็ถูกตำรวจจับกุมก่อนดังกล่าว อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงตั้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติด ก่อนทำการควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองขอนแก่นออกปฏิบัติหน้าที่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พบชายลักษณะมีพิรุธยืนอยู่หน้าร้านค้าสะดวกซื้อ บริเวณสี่แยกตลาดบ้านโนนทัน ทราบชื่อภายหลังคือนายธวัฒชัย จึงเข้าขอทำการตรวจสอบก่อนจะตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 20,000 เม็ด และยาไอซ์น้ำหนัก 0.2 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย จึงทำการสอบสวนโดยนายธวัฒชัย รับสารภาพว่ายังมียาบ้าที่เหลือซุกซ่อนอยู่ที่ห้องพักไม่มีชื่อ ภายในบ้านโนนทัน จึงคุมตัวไปตรวจค้นพบยาบ้าเพิ่มอีก 8,000 เม็ด รวมเป็น 28,000 เม็ด และยาไอซ์ 0.2 กิโลกรัม จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น
" จากการสอบสวนนายธวัฒชัน ให้การซัดทอดว่ารับยาบ้าและยาไอซ์มาจากนายพิเชษฎ เพื่อนชาว จ.อุดรธานี เพื่อนำมาขายให้กับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้รับจ้างในราคาเม็ดละ 1 บาท หากส่ง 1 มัดซึ่งมี 2,000 เม็ดก็จะได้เงิน 2,000 บาท ส่วนยาไอซ์จะคิดน้ำหนักเป็นขีด หรือ 100 กรัม ถ้าขายได้ จะได้ค่าจ้าง 2,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงวางแผนจับกุมนายพิเชษฎ ซึ่งอยู่หอพักเดียวกันแต่คนละห้อง เมื่อไปถึงพบว่าห้องพักล็อคกุญแจอยู่ จึงได้ซุ่มดักรอจนนายพเชษฎกลับมาที่ห้องพัก ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม โดยจากการค้นตัวพบยาบ้าจำนวน 7,000 เม็ดอยู่ภายในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะเข้าไปตรวจค้นภายในห้องพักได้ยาบ้าเพิ่มอีกจำนวน 34,800 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 1.29 กิโลกรัม ซึ่งยาเสพติดทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้าของนายพิเชษฎ จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น ทั้งคู่"
รอง ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า นายพิเชษฎให้การรับสารภาพอ้างว่า รับยาเสพติดทั้งหมดมาจากนายน้ำ ไม่ทราบชื่อสกุล เป็นชาว สปป.ลาว โดยรอบนี้รับยาบ้ามาจำนวน 100 มัด หรือ 200,000 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 5 กิโลกรัม นำมากระจายส่งขายให้ลูกค้าในพื้นที่อำเภอต่างๆทั่วทั้งจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดข้าวเคียง โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเงินต่อการไปส่งยาบ้าและยาไอซ์ในรอบนี้ทั้งหมด 200,000 บาท แต่ยังไม่ทันได้รับเงินก็ถูกตำรวจจับกุมก่อนดังกล่าว อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จจึงตั้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติด ก่อนทำการควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป