"ศบค."แถลงไทยไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 เป็นวันที่ 3 ขณะที่การติดเชื้อในประเทศเป็น 0 ต่อเนื่องนาน 23 วัน อยู่อันดับที่ 90 ของโลก เผยหายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 2 ราย วอนช่วยกันทำให้ปลอดเชื้อต่อเนื่องให้ถึง 28 วัน และนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ทั่วโลกป่วยแล้ว 8.2 ล้านราย ด้าน"ภริยาผู้นำยูเครน"ปอดทั้งสองข้างติดเชื้อ "จีน"ยังพบเหยื่อติดเชื้อไวรัสร้ายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบรายใหม่ 44 ราย ก่อนสั่งปิดโรงเรียนทั่วปักกิ่ง พร้อมไล่ตรวจประชาชนกว่า 2 แสนคน ส่วนกระแสข่าวปลาแซลมอนปนเปื้อนเชื้อโรคส่งผลยอดขายในจีนฮวบ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวันว่า วันนี้ไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ หรือการติดเชื้อเป็น 0 ราย ทั้งในประเทศและกลับมาจากต่างประเทศในสถานกักกันของรัฐ หายป่วยเพิ่ม 2 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ยอดผู้ป่วยสะสม 3,135 ราย หายกลับบ้านรวม 2,996 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย รักษาตัวใน รพ. 81 ราย นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การติดเชื้อในประเทศเป็น 0 แล้ว 23 วัน หลายท่านฟังจากนักวิชาการให้ดีต้อง 2 รอบ 14 วัน คือ 28 วัน ถ้าจะให้ดีขอให้อยู่ในหน้ากากผ้าหน้ากากอนามัยอย่างครบถ้วน เราอาจจะต้องอยู่กันแบบนี้ไปอีกยาวๆ แต่จะยาวเท่าไร ก็สัก 28 วันตรงนี้ก่อน ขอให้รักษาสถานะเป็น 0 ต่อเนื่องไปให้ได้ เพื่อเป็นสถิติของไทย และเป็นสถิติที่ดีงามของทั้งโลก ซึ่งหลายประเทศเป็น 0 นานๆ อย่างจีน ก็มากกว่าเรา ยังมีการติดเชื้อเข้ามาซ้ำใหม่ได้ เราต้องให้นานที่สุดเท่าที่นานได้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สถานการณ์ระดับโลกพบว่ามีผู้ป่วยรวม 8,257,885 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ถึง 1.44 แสนราย เสียชีวิตวันเดียวถึง 6,901 ราย เสียชีวิตรวม 445,986 ราย โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสูงสุด 2,208,400 ราย บราซิลอันดับ 2 คือ 928,84 ราย แต่ผู้ป่วยรายใหม่ในรอบวันบราซิลสูงที่สุด คือ 3.7 หมื่นราย สหรัฐอเมริกา 2.5 หมื่นราย ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 90 ลงมาจากอันดับที่ 88 ของโลก สำหรับผู้เสียชีวิต อินเดียเสียชีวิตเพิ่มมากที่สุด 2,006 ราย นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นในต่างประเทศคือ นิวซีแลนด์ พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 2 ราย ครั้งแรกในรอบ 24 วัน ทั้งที่เพิ่งประกาศไปวันที่ 8 มิ.ย.ทีผ่านมา ว่าประเทศปลอดจากไวรัสโควิด-19 โดยผู้ติดเชื้อเดินทางกลับจากสหราชอาณาจักร ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 1,506 ราย เสียชีวิต 22 ราย จึงเพิ่มข้อจำกัดทางชายแดนมากขึ้น แม้ประชาชนในประเทศจะกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่เสริมคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ต้องถูกตรวจหาเชื้อไม่ว่าจะแสดงอาการหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่ปักกิ่ง ที่ติดจากตลาด ตอนนี้ยอดรวมภายใน 1 สัปดาห์ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 106 ราย เชื่อมโยงกับตลาดซินฟาตี้ ตอนนี้ก็ห้ามไม่ให้แท็กซี่ให้บริการเรียกรถโบกรถผู้โดยสารออกไปนอกเมือง เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปยังเมืองอื่น ขณะที่ฟิลิปปินส์ขยายเวลาล็อกดาวน์กรุงมะนิลาออกไปถึงวันที่ 30 มิ.ย. นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนขนาดเล็กที่สามารถเปิดได้วันที่ 15 มิ.ย.เป็นการเปิดเทอมวันแรกหลังปิดเทอมไปหลายเดือน ก็จะพบมีโรงเรียนอนุบาลสร้างสรรค์แนวใหม่ เช่น มีฉากกั้นระหว่างเด็กที่นอน โต๊ะเรียนห่างกันมีฉากกั้น และใส่หน้ากากผ้าหน้ากากอนามัยกันไว้ การสอนให้เด็กรู้จักการดูแลสุขภาพส่วนตัว ก็จะทำให้พวกเขามีสุขภาพที่ดี เราก็ปลอดภัย ผู้ปกครองก็จะได้สบายใจ มีการรับประทานอาหารแบ่งรอบเวลาเหลื่อมกันครั้งละ 45 นาที ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นางโอลีนา เซเลนสกา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของยูเครน ในฐานะภริยาของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกา แห่งยูเครน วัย 42 ปี มีอาการล้มป่วยจากการปอดติดเชื้อทั้งสองข้าง ภายหลังจากตรวจพบว่า ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว ทางด้าน สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีน ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยการตรวจโรครอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 44 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศถึง 33 ราย ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับตลาดซินฟาตี้ ในกรุงปักกิ่ง และอีก 11 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากการเดินทางมาจากต่างประเทศ ส่งผลให้จีนมีผู้ติดเชื้อโควิดฯ รายใหม่จำนวนอย่างน้อย 140 ราย นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 11 มิ.ย.เป็นต้นมา รายงานข่าวแจ้งว่า ทางการจีน นอกจากมีคำสั่งให้ปิดตลาดซินฟาตี้ และตลาดหยูฉ่านตง ตลอดจนชุมชนที่อยู่รายรอบแล้ว ล่าสุดได้มีคำสั่งให้ปิดโรงเรียนทั่วกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศแล้ว ก่อนดำเนินมาตรการตรวจโรคให้แก่ประชาชนที่เกี่ยวข้องกับตลาดดังกล่าว ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นพบว่า มีประชาชนที่เกี่ยวข้องจำนวนกว่า 2 แสนคน ขณะเดียวกัน จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เขียงปลาแซลมอนในตลาดสด อาจเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดรอบใหม่ในจีนครั้งนี้ ส่งผลให้ยอดขายปลาแซลมอนในห้างร้าน และตลาดสดต่างๆ ตลอดจนร้านอาหารญี่ปุ่นในจีน มีจำนวนตกลงจากเดิมเป็นอย่างมาก