"หอการค้า"มั่นใจคลายล็อกเฟส 4 ส่งผลดีฟื้นศก. รับกังวลว่างงาน วอนรัฐช่วยธุรกิจที่ยังปิดก่อนล้มยาว "ธนวรรธน์"ชี้ปลดล็อกเฟส 4 หนุนศก.ฟื้นตัวเม็ดเงินสะพัด ผู้ประกอบการมีรายได้-ย้ำอย่าการ์ดตกไม่งั้นจบ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.63 นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 ของ ศบค.ที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นวันแรก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ เพราะเป็นการปลดล็อกกิจการและกิจกรรมกว่า 95% ให้กลับมาเปิดดำเนินการได้ รวมถึงการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวส์ ทำให้ภาพรวมสถานการณ์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเปิดเฟส 4 แล้ว ส่วนตัวก็มีความเป็นห่วงเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการว่างงาน เนื่องจากประชาชนยังไม่ออกมาใช้จ่ายใช้สอย สังเกตได้จากบรรยากาศตามห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านอาหารต่างๆที่สะท้อนภาพออกมาว่ามีผู้ใช้บริการน้อยอยู่ ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐเข้าไปสอบถามธุรกิจที่ยังถูกคำสั่งปิดอาทิ ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ว่าต้องการให้ช่วยเหลือในเรื่องอะไรบ้าง เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก หากยังเปิดไม่ได้มีโอกาสปิดกิจการเป็นจำนวนมาก ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การปลดล็อกผ่อนคลายธุรกิจในระยะที่ 4 ของรัฐบาล จะทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสที่จะหารายได้เพิ่มมากขึ้น ธุรกิจมีโอกาสที่จะขับเคลื่อนทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศหมุนเวียนได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกำลังซื้อภายในประเทศ ทำให้ประชาชนมั่นใจที่จะเริ่มจับจ่ายใช้สอยและเห็นว่าโอกาสที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว มีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการในการควบคุมให้เกิดความเสี่ยงจากไวรัสโควิด-19 ให้น้อยที่สุด ซึ่งยังมีธุรกิจบางประเภทยังคงถูกจำกัดเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ ทั้งนี้ มองว่าสถานการณ์ของหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะภูมิภาคที่มีผลกับเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเอเชีย, ยุโรป, สหรัฐฯ เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่างๆแล้ว เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดออกมาระบุว่าปีนี้จะใช้อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ไปจนถึงสิ้นปี และจะยังไม่มีการใช้นโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีที่จะถึงนี้ และยังประเมินว่า GDP ของสหรัฐฯในปีนี้จะติดลบอยู่ที่ร้อยละ 6 แต่ในปีหน้าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวเป็นบวกได้ที่ร้อยละ 5 โอกาสที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนมีความเป็นไปได้ในปี 2565