นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายนนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะนำรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ 3 แพ็คเกจ วงเงิน 20,000 ล้านบาทเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อกลั่นกรอง ก่อนวันอังคารที่ 16 มิถุนายน ซึ่งทางกระทรวงการคลังจะนำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อหารือและขอความเห็นชอบต่อไป ทั้งนี้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว 3 แพ็คเกจ ได้แก่ 1.แพ็คเกจกำลังใจ ตอบแทนบุคลกรแนวหน้าทางด้านสาธารณสุข อาทิ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เป็นต้น โดยมอบงบศึกษาดูงานกับบริษัทนำเที่ยวในประเทศ 2 แพ็คเกจ มีระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-เดือนตุลาคม 2.แพ็คเกจเที่ยวปันสุข มอบค่าที่พัก 40% รวมไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนต่อห้อง คืนให้แก่ประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อใช้จ่ายในโรงแรมสำหรับการท่องเที่ยวข้ามจังหวัด และ แพ็คเกจที่ 3 ยังไม่ชัดเจนในรายละเอียด แต่เป็นแพ็คเกจที่เสนอเข้ามาโดยกลุ่มสายการบิน ซึ่ง นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึง การเปิดท่องเที่ยวโดยการจับคู่ประเทศ (travel bubble) ทราเวลบับเบิ้ล ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศทำงานร่วมกัน เพื่อหาแนวทางการจับคู่ประเทศเพื่อการเดินทางให้ปลอดภัยและห่างไกลจากการติดเชื้อ ให้ได้ข้อสรุปว่าจะจับมือกับประเทศใดบ้าง มีเงื่อนไขการเดินทางอย่างไร รวมถึงหากไม่มีเงื่อนไขการกักตัว 14 วันจะมีแนวทางในการป้องกันเชื้ออย่างไร “หลังการหารือระหว่างกระทรวงฯ เรียบร้อยจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดเล็กในวันพุธที่ 17 มิถุนายนต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถเปิดการเดินทางได้เร็วที่สุดในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ มีกลุ่มประเทศเป้าหมายระยะแรกเป็นจีน รวมถึงฮ่องกง มาเก๊า เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศในตะวันออกกลาง ทั้งนี้อาจจะเริ่มพร้อมกันหลายประเทศในลักษณะเป็น Group Bubble” นายพิพัฒน์ กล่าว อย่างไรก็ตาม นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ระยะแรกของการเปิดทราเวลบับเบิ้ล น่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยราว 1,000 คนต่อวัน โดยมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มรักษาพยาบาล ซึ่งมีเงื่อนไขกำหนดว่าจะต้องมีเอกสารเชิญจากบริษัทคู่ค้าหรือโรงพยาบาลปลายทางในไทย มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงนับจากออกเอกสาร ก่อนจะขยายผลไปสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ (Free Individual Traveler- FIT) ในระยะต่อไป เร็วที่สุดไม่เกินเดือนสิงหาคมและช้าที่สุดไม่เกินเดือนตุลาคม หากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีและไม่มีปัญหาการติดเชื้อลุกลามจากการทำทราเวลบับเบิ้ลในระยะแรก นอกจากนั้น แนวทางการเปิดท่องเที่ยวแบบทราเวลบับเบิ้ล อาจกำหนดพื้นที่ปิด (Sealed Area) เป็น Safe Zone for Tourism โดยพิจารณาจากแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองที่ประชาชนยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาพำนักและท่องเที่ยว รวมถึงมีมาตรฐาน Safety & Health Administration (SHA) ที่รับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)