เพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ของรัฐบาล ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทาง Travel Bubble หรือแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด
ซึ่งหลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 แล้ว ทางเพจไทยคู่ฟ้าระบุว่า เรื่องของการเปิดประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่จะดำเนินการต่อไป โดยได้นำเสนอคำอธิบายเกี่ยวกับ Travel Bubble หรือ แนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด ให้ประชาชนทำความเข้าใจ
สำหรับ Travel Bubble คือ การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ ที่สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีเท่าๆ กัน โดยดูจากสถานการณ์การระบาดในประเทศว่ามีการผ่อนคลายการควบคุมโรคแล้วหรือไม่ มีการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศอยู่หรือไม่ และดูเรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีต่อกันด้วย
ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางระหว่าง 2 ประเทศ ภายใต้ความตกลง Travel Bubble จะไม่ต้องถูกกักตัว แต่ทั้งสองประเทศ จะกำหนดจำนวนของผู้เดินทางเพื่อควบคุมจำนวนให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยจะจัดการแบบพิเศษในเรื่องวีซ่า การโดยสารเครื่องบิน ที่พัก การเยี่ยมเยือน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และผู้รับประกัน
โดย Travel Bubble จะทำได้ก็ต่อเมื่อประเทศคู่ตกลงไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว หรือมีจำนวนผู้ติดเชื้อใกล้เคียงกัน มีการจัดการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเท่า ๆ กัน ดังนั้น ทั้ง 2 ประเทศจะต้องมีความเชื่อมั่นในการจัดการโรคโควิด-19 ซึ่งกันและกัน มีมาตรการตรวจหาเชื้อและป้องกันอย่างเข้มงวด ต้องตรวจหาเชื้อก่อนออกนอกประเทศต้นทาง และตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศปลายทาง
ขณะที่ กลุ่มเป้าหมาย จะมุ่งเน้นกลุ่มที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูง สามารถติดตามได้และมีหนังสือรับรอง รวมถึงมีความจำเป็นต้องเข้ามา ได้แก่ 1.กลุ่มนักธุรกิจ 2.กลุ่มผู้เข้ามารับบริการรักษาทางการแพทย์ มีการยกตัวอย่างประเทศเป้าหมายในที่ประชุม เช่น จีน รวมฮ่องกงและมาเก๊า เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา หรือตะวันออกกลางบางประเทศ
สำหรับ Travel Bubble คือ การเชื่อมต่อการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศ ที่สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ดีเท่าๆ กัน โดยดูจากสถานการณ์การระบาดในประเทศว่ามีการผ่อนคลายการควบคุมโรคแล้วหรือไม่ มีการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศอยู่หรือไม่ และดูเรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีต่อกันด้วย
ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางระหว่าง 2 ประเทศ ภายใต้ความตกลง Travel Bubble จะไม่ต้องถูกกักตัว แต่ทั้งสองประเทศ จะกำหนดจำนวนของผู้เดินทางเพื่อควบคุมจำนวนให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยจะจัดการแบบพิเศษในเรื่องวีซ่า การโดยสารเครื่องบิน ที่พัก การเยี่ยมเยือน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และผู้รับประกัน
โดย Travel Bubble จะทำได้ก็ต่อเมื่อประเทศคู่ตกลงไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว หรือมีจำนวนผู้ติดเชื้อใกล้เคียงกัน มีการจัดการที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพเท่า ๆ กัน ดังนั้น ทั้ง 2 ประเทศจะต้องมีความเชื่อมั่นในการจัดการโรคโควิด-19 ซึ่งกันและกัน มีมาตรการตรวจหาเชื้อและป้องกันอย่างเข้มงวด ต้องตรวจหาเชื้อก่อนออกนอกประเทศต้นทาง และตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศปลายทาง
ขณะที่ กลุ่มเป้าหมาย จะมุ่งเน้นกลุ่มที่มีศักยภาพการใช้จ่ายสูง สามารถติดตามได้และมีหนังสือรับรอง รวมถึงมีความจำเป็นต้องเข้ามา ได้แก่ 1.กลุ่มนักธุรกิจ 2.กลุ่มผู้เข้ามารับบริการรักษาทางการแพทย์ มีการยกตัวอย่างประเทศเป้าหมายในที่ประชุม เช่น จีน รวมฮ่องกงและมาเก๊า เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา หรือตะวันออกกลางบางประเทศ