เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มิ.ย.63 ที่ สน.ลุมพินี น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เข้าพบ พ.ต.ท.อนันต์ วงศ์คำ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี และ ร.ต.ท.ทัยวัฒน์ วิวัฒน์เกียรติ รอง สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลัง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แจ้งความเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ปี 2562 ว่า ขณะ น.ส.พรรณิการ์ เป็นโฆษกพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ได้กล่าวหาว่า น.ส.ปารีณา ว่าทำให้สังคมแตกแยก น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมาเพิ่งได้รับหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ในวันนี้ ซึ่งปกติแล้วตำรวจจะทำงานช้าบ้างเร็วบ้าง หากคดีไหนอยู่ในความสนใจประชาชนก็จะเร่งรัดดำเนินการ แต่คดีนี้ผ่านมา 1 ปีแล้ว เพิ่งมีหมายเรียกนั้นช้าไปหรือไม่ หรือมีเหตุอะไรทำให้ต้องออกหมายเรียกในช่วงนี้หรือไม่ ทั้งที่ตอนนี้ประเทศไทยมีเหตุการณ์อะไรที่น่าสนใจมากกว่าคดีเล็กน้อยแบบนี้ ทั้งเรื่องโควิด-19 และเงินกู้งบประมาณ 1 ล้านล้านบาท คดีนี้ตนจึงไม่มีความกังวลใจใดๆ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อ อย่างไรก็ตาม วานนี้ที่รัฐสภามีการตอบกระทู้สดเรื่องนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ลี้ภัยการเมืองไปอยู่ประเทศกัมพูชาแล้วถูกอุ้มตัวหายไป ทำให้ตนผิดหวังกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ(กต.) แทนที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจใน กต.ในการดูแลคนไทยที่ตกทุกข์ในต่างแดน แต่กลับไม่แสดงความกระตือรือร้นการติดตามหาตัวนายวันเฉลิม ทั้งที่เป็นภารกิจ กต.ที่จะดูแลคนไทยโดยไม่แบ่งว่าเป็นคนส่วนมากหรือส่วนน้อย แต่นายดอน กลับแถลงต่อสภา โดยยกบทสนทนาลอยๆ ว่าได้ชี้แจงกับทูต ต่างประเทศว่า ไม่มีชาติใดติดใจกับกฎหมายอาญา ม.112 ตนไม่ทราบว่านายดอน ไปพูดกับใคร หรือมีพยานให้ตามสืบค้นได้ แต่ตนยืนยันว่าช่วงปี 2559-2560 เคยมีทูตสหรัฐอเมริกาประจำไทย และองค์กรสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุถึงความกังวลการละเมิดสิทธิของประชาชนทางการเมือง และให้ทางการทบทวนแก้ไข ม.112 เพราะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือการเมือง