ที่วิจารณ์กันว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขัดแย้งแตกคอกัน ที่ว่ากันว่าพี่ป้อมอยากเป็น หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่น้องตู่ไม่สนับสนุน เพราะหนุน ก๊วน 4 กุมาร ของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือถ้าขัดแย้งหนัก พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็น หัวหน้าพรรค เสียเอง ที่ลือกันหนักว่า พล.อ.ประวิตร อยากเป็นหัวหน้าพรรค เพราะหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์ ทุกอย่างจบลง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงท่าทีชัดเจนครั้งแรก ต่อการที่ พล.อ. ประวิตร จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แม้จะไม่ได้พูดตรงๆว่า สนับสนุน พี่ใหญ่ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะเกรงจะถูกกล่าวหาว่า เป็นแผนการยึดพรรค ยึดอำนาจทางการเมือง ของ พี่น้อง 3 ป. แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยืนยันว่า จะไม่ต้องหาใครมาเป็น รองนายกฯ ทำงานแทน พล.อ.ประวิตร แม้จะเป็นหัวหน้าพรรค แต่ก็ทำได้ทั้ง 2 งาน ไม่ถือว่า งานหนักอะไร “ท่านก็ต้องบริหารให้ได้ ท่านก็ต้องทำทั้ง 2 งาน ให้ได้ ถ้าท่านไปเป็นตรงโน้น ท่านก็ต้องทำตรงนี้ให้ได้เหมือนเดิม ” พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึง พล.อ.ประวิตร โดยพรรคพลังประชารัฐ เตรียมเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และเลือก พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรค ในวันที่3 ก.ค. 2563 และจะตามมาด้วย การปรับครม. แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะบอกว่า ยังไม่ปรับครม.ตอนนี้ และเป็นอำนาจของผม แต่เพียงผู้เดียว ก็ตาม แต่ก็มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จัดโผ ครม. “ประยุทธ์2/2” แล้ว โดยเฉพาะการเปลี่ยน ทีมเศรษฐกิจใหม่ยกทีม แต่ก็ต้องจับตา ท่าทีของ สมคิด หากหลุดครม. หลุดจาก รองนายกฯ อุตตม สาวนายน ที่นอกจากจะหลุดจาก หัวหน้าพปชร. แล้ว ก็คาดว่า จะหลุด เก้าอี้ รมว.คลัง ด้วย เช่นเดียวกับ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ หลุด เลขาฯพปชร. และหลุดเก้าอี้ รมว.พลังงาน เพราะช่วงที่ผ่านมาสมคิด ก็ให้สัมภาษณ์ สะกิด เหน็บแนม พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ หลายเรื่อง ดูจากสถานการณ์ทางการเมือง ที่ร้อนระอุ จะทำให้ พล.อ.ประวิตร ที่จะเป็นหัวหน้าพปชร. คงเหนื่อยอีกไม่น้อย แม้จะเป็นฝ่ายชนะ จากการบีบ ให้ กรรมการบริหารพรรค ลาออก และ ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่ทว่า พรรค ก็เต็มไปด้วย ความบอบช้ำ และยังมีการแตกแยก แบ่งกลุ่ม กันอยู่ แม้แต่ บทบาทของ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ที่อาจหลุดเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ เพราะเลือกข้างผิด และ ปัญหาเรื่องภาพพจน์ แต่อาจจะได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เพราะ พล.อ.ประวิตร ยังต้องใช้งาน การเมือง อยู่ พล.อ.ประวิตร คงจะต้องใช้ทั้ง บารมี และ การต่อรอง ในการรักษาพรรค และสร้างความมั่นคงให้รัฐบาล รวมทั้งการดีล กับพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคการเมืองอื่น แม้แต่ การใช้พลังดูดภาค2 เพิ่อเสถียรภาพ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ การทำงานการเมือง พรรคการเมือง ย่อมต้องใช้ ทุนมหาศาล จึงทำให้ มีการจับตามอง ไปที่ นายทุนพรรค เมื่อ พล.อ.ประวิตร มาเป็นหัวหน้าพรรค ที่จะมีมากขึ้น ยิ่งเมื่อปรากฏชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เป็นหนึ่งเดียว ในการเดินเกมทางการเมือง ที่แบ่งหน้าที่ ให้ พล.อ.ประวิตร เป็นแม่ทัพ ฝ่ายการเมือง. ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่นายกฯ นำบริหารประเทศ ไป ส่วน “บิ๊กป๊อก” พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย ก็เป็นแม่ทัพ ด้านการคุมฐานเสียง ในพื้นที่ คุมมวลช ท่ามกลางข่าวสะพัดในพรรคพลังประชารัฐ ว่าเมื่อขึ้นหัวหน้าพรรคแล้ว พล.อ.ประวิตร จะกลับมาคุม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามเดิม เพราะในฐานะ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ไม่ได้คุมทหาร และตำรวจ ทำให้ พาวเวอร์ลดน้อยลง แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้หวังจะ ควบ รมว.กลาโหม เช่นเดิม แต่ ต้องการจะคุมตำรวจ จากที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ คุมเอง เกือบ 1 ปี โดยที่ พล.อ.ประวิตร ถอยออกมา ไกล ด้วยเพราะ เกิดรอยร้าวในใจกับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เมื่อครั้ง เกิดความขัดแย้งกับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล น้องรัก พล.อ.ประวิตร แต่ ก.ย.นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็จะเกษียณราชการ แล้ว พล.อ.ประวิตร จึงอยากที่จะกลับไปคุม ตำรวจ อีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมที่จะ ให้ พล.อ.ประวิตร คุมตำรวจ ก็ตาม แต่คาดว่า คงมีกระแสต่อต้าน ไม่น้อย เพราะ มีคนเกรงว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ จะได้กลับมา มีบทบาทอีกครั้ง เพราะพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ มีศัตรู อยู่ไม่น้อย ที่ก็ต้องพยายาม สกัดกั้นอย่างเต็มที่ แม้ว่า พล.อ.ประวิตร จะไม่กล้า ดัน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กลับมา ก็ตาม แต่ ก็คงยังต้อง ใช้งาน ต่อไป คาดว่า ปัญหา รอ พล.อ.ประวิตร อยู่เบื้องหน้า อีกเพียบ เพราะ ยิ่งเป็นหัวหน้าพรรค ยิ่งตกเป็น เป้าโจมตี อย่างหนัก ท่ามกลางการเมือง ที่ร้อนแรงขึ้น แต่เป้าหมายคือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ครบเทอม 4 ปี สมัยแรก และต่อสมัยที่2 อีก4 ปี เมื่อ น้องตู่ เชื่อฝีมือ การดีล ของ พี่ใหญ่ ก็ต้องช่วย พี่ใหญ่ ทุกอย่าง เช่นกัน !