"นายกฯ" ย้ำตัดสินใจเองปรับครม.ไม่ต้องเสนอตัว วอนงดเสนอข่าวดราม่าการเมือง ไม่ขัด "บิ๊กป้อม" นั่งหัวหน้าพรรค พปชร. "สุวิทย์" ลั่น"ไม่ลาออก" ขอคุย "นายกฯ-สมคิด" ก่อน ย้ำเปลี่ยน"กก.บห.พปชร." ไม่เกี่ยวปรับครม. ด้าน "กกต."ยันพปชร.จัดประชุมเลือกกก.บห.พรรคชุดใหม่ได้ตามข้อบังคับพรรค ยังไม่ชัด กกต.มีอำนาจพิจารณาปม 90 ส.ว. หรือ ไม่ ขณะที่ "ฝ่ายค้านวอล์คเอาท์" วงถก "กมธ.โอนงบ" แฉทหารแทรกแซงเรียกเก็บเอกสาร "มุบมิบ" ข้อมูลการโอนงบฯ 8 หมื่นล. ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนี้ ซึ่งมีข่าวทุกวัน ยืนยันว่าตนเองยังไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้นเป็นเรื่องแต่ละพรรคการเมืองดำเนินการไป ส่วนการปรับเปลี่ยนครม. ย้ำว่าเป็นเรื่องของตน ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะพิจารณาได้เมื่อไหร่อย่างไร แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ดังนั้นไม่ต้องเสนอตัวกันเยอะแยะ ซึ่งพรรคร่วมก็เป็นเรื่องของพรรคร่วมที่มีหลายพรรค ซึ่งใครจะเป็น ใครจะไม่เป็น ตนยังไม่คิด "วันนี้ ขอทำงานไปก่อน ดังนั้นกรุณาเลิกงดเสนอข่าวพวกนี้ได้แล้ว มันเหมือนดราม่า เหมือนละครสักเรื่อง ก็เหมือนดูละครก็ต้องย้อนมาดูตัวเหมือนกัน ดังนั้นอย่าเพิ่งไปตรงโน้น อย่าเพิ่งมาถามว่า จะปรับ ครม.หรือยังอะไรหรือยัง ถ้าปรับเมื่อไหร่ผมบอกเอง บางทีไม่ต้องบอกผมก็ปรับเอง เป็นการตัดสินใจของนายกแต่เพียงผู้เดียวในการปรับครม. และมีสัดส่วนของพรรคอยู่แล้ว เป็นเรื่องของแต่ละพรรคว่ามา" เมื่อถามว่าหาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะกระทบกับการทำงานในส่วนของรองนายกฯ ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทำไมล่ะ ถ้าท่านรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ก็เป็นเรื่องของท่าน ๆก็ต้องบริหารของท่านให้ได้ ผมมีหน้าที่ทำงานร่วมกับรองนายกฯ ท่านก็ต้องทำงานทั้งสองด้านให้ได้ ถ้าท่านจะรับงานตรงโน้นก่อน ท่านก็ต้องทำงานตรงนี้ให้ได้เหมือนเดิม" เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามติที่ประชุมของพรรค พปชร.เลือกพล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่ขัดใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ให้เป็นเรื่องของพรรคพปชร. ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรค เมื่อถามว่า จะเข้าไปสยบปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมจะไปสยบอะไรเล่า ก็เพียงแต่ขอร้องว่าอย่าพูดกัน ให้ข่าวกัน แล้วคนตัดสินใจเรื่องปรับครม. คือผมเข้าใจหรือไม่ ไม่ใช่หัวหน้าพรรค ในส่วนพรรคของท่าน ก็ไปเตรียมการคนของท่านไว้ เมื่อไหร่ที่ผมปรับครม.ก็นำมาพิจารณา และเมื่อผมพิจารณาแล้ว หากเห็นว่าไม่เหมาะสมผมก็เปลี่ยนคนเท่านั้นเอง อำนาจผมมีอยู่แล้ว" ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่กระแสข่าวการปรับครม.โดยเฉพาะ 3 รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นายอุตตม สาวนายน รมว. คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะเกรงว่าอาจจะหลุดจากตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครหลุดหรือไม่หลุดเลย ใครจะหลุด ใครจะเข้า ผมยังไม่ได้ดูเลย ผมเอางานวันนี้ให้ได้ก่อน ก็ทำงานไปคนที่อยู่ในตำแหน่งวันนี้ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน" ส่วนที่ทั้ง 3 รัฐมนตรี จะมีการพูดกันถึงจุดยืนและท่าทีต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็คุยกันไป ก็คุยกันทั้งนั้น เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายกฯแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่คุยด้วยน่ะซิ" เมื่อถามว่าแล้วได้คุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยังพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่ได้คุย" ด้าน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กล่าวถึงกระแสข่าวยื่นลาออกจากตำแหน่งว่า "ใครปล่อยข่าวเป็นคลิปเก่าหรือไม่ ผมยืนยันยังไม่ลาออก" เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายกฯ หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ไม่ได้คุยถึงเรื่องตำแหน่งว่าจะก็อยู่หรือไม่อยู่แต่อย่างใด เมื่อถามย้ำว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้ให้คำปรึกษาหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ต้องพูดคุยกัน 3 คนก่อน เพราะนายกฯ และนายสมคิด เป็นคนดึงให้เข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนจะมีทางออกในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)จะมีการเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่าขอให้ แยกเรื่องการเมือง ออกจากเรื่องการปรับครม.เป็นคนละเรื่องกัน ส่วน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวว่า การจัดประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองสามารถดำเนินการได้ทันที ตามระเบียบข้อบังคับของพรรคที่กำหนดว่าต้องจัดประชุมภายใน 45 วัน ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคเสรีรวมไทย จะมายื่นหนังสือขอให้วินิจฉัยและพิจารณาว่า ส.ว.ทั้ง 90 คน ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 หรือไม่ หลังจากที่ ส.ว.ทั้งหมด ได้ร่วมลงมติเห็นชอบให้นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และพบว่า นายสุชาติอาจมีลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งกรรมการในองค์กรอิสระนั้น เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกได้ว่า กกต. มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของที่ประชุม กกต. ซึ่งหากรับไว้พิจารณาก็ต้องนำประเด็นเรื่องการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความมาประกอบ หากผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ชัดเจนในเรื่องนี้ก่อน วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอน งบประมาณรายจ่าย จากส่วนราชการกลับเข้าสู่งบกลางเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 โดยกรรมาธิการจากซีกพรรคฝ่ายค้าน ได้วอล์คเอาท์ออกจากที่ประชุม ลงมาแถลงเปิดเผยถึงปัญหาและอุปสรรคการทำงานของคณะกรรมาธิการ ที่ไม่สามารถพิจารณาปรับลดงบประมาณในวงเงิน 88,000 หมื่นล้านบาทได้ โดย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รองประธานกรรมาธิการ ตั้งข้อสังเกต ว่าการพิจารณาปรับลกงบประมาณรายจ่ายจากหน่วยงานต่างๆ ครั้งนี้ มีการตัดงบหลายโครงการ ที่มีความจำเป็นมาไว้ที่งบกลาง โดยไม่สามารถนำงบประมาณ จาก พ.ร.ก.กู้เงินมาทกแทนได้ ประกอบกับงบประมาณที่มีการโอนกลับมาให้รัฐบาล ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ เกี่ยวกับการแก้ปัญหา ภัยแล้ง ซึ่งเป็นผลกระโยชน์ของคนเพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ทั้งที่ยังมีปัญหา สถานการณ์โควิด-19 และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเร่งฟื้นฟู ประกอบกับในรายละเอียดงบประมาณก็ไม่ชัดเจน มีเพียงเอกสาร 2 แผ่น ที่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ จึงอยากให้รัฐบาลรับฟังความเห็นปรับโอนงบประมาณจากโครงการที่จำเป็น นายวรวัจน์ ยังกล่าวถึงปัญหาในการพิจารณางบประมาณที่มีการโอนกลับจากกระทรวงกลาโหมกว่า 17,000 หมื่นล้านบาท ว่า ระหว่างการชี้แจงจากผู้แทนจากกระทรวงกลาโหม มีให้เอกสารที่หัวเอกสารระบุว่าเป็นเอกสารลับ และระหว่างที่พิจารณาไม่นาน ก็มีนายทหารมาเดินเก็บเอกสารกลับคืนทั้งหมด จึงเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ เพราะข้อมูลเหล่านี้ มีความจำเป็นและไม่น่าจะอยู่ในชั้นความลับ เพราะเป็นงบประมาณที่ถูกปรับโอนไว้ ประกอบกับเป็นสิทธิของกรรมาธิการตามรัฐธรรมนูญ ที่สามารถเรียกข้อมูลดังกล่าวได้ แต่ประธานกรรมาธิการก็ไม่อนุญาตให้เรียกเอกสารจากกระทรวงกลาโหมอีก ถือเป็นการปิดกั้นการทำหน้าที่อย่างมาก ด้าน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากปัญหาทั้งหมด จึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้คณะกรรมาธิการไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นต้องรอว่า กระทรวงกลาโหมจะมีการส่งเอกสารมาให้กรรมาธิการอีกครั้งหรือไม่ หรือนายกฯ จะมาชี้แจงด้วยตัวเองได้หรือไม่ เบื้องต้นได้หารือ กับ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้ข้อสรุปว่ายังไม่มีการบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาลงมติในวาระ 2 และ 3 ในสัปดาห์นี้ได้ เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิดเกินไปและยังไม่มีความชัดเจนหลายเรื่อง แต่ก็ไม่อยากให้เกินสัปดาห์หน้าเพราะเป็นงบประมาณที่มีความจำเป็น ส่วนปัญหาที่ไม่สามารถปรับลดประมาณ ในวงเงิน 8.8หมื่นล้านบาทได้ เพราะอาจขัดต่อหลักการของกฎหมายนั้นเห็นว่า เมื่อมีการสงวนความเห็นการแปรญัตติแล้ว ก็จะไปอภิปรายความเห็นต่อในที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎรต่อไป ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงกรณี นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หายตัวไปที่ประเทศกัมพูชา โดยครอบครัวออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลไทยช่วยเร่งดำเนินการติดตามหาตัว ว่า ตนไม่รู้จักนายวันเฉลิมแต่อะไรที่เราร่วมมือได้ ก็ร่วมมือไป ซึ่งในเรื่องนี้ได้สอบถามฝ่ายความมั่นคงว่าคนคนนี้อยู่ที่ไหนและเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยรู้จักชื่อมาก่อน และทราบว่าได้หนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนและไปทำอะไร จึงได้ให้ติดตามว่าหนีไปด้วยเรื่องอะไรและอยู่ที่ไหน ทั้งนี้เราก็จะไม่ก้าวล่วงอำนาจของประเทศอื่น เพราะมีกลไกในการตรวจสอบของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่สอบถามความร่วมมือและให้ข้อมูลไป จึงขอให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย