พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. รวมทั้งผลสำรวจประชาชนที่คัดค้านว่าไม่เหมาะสม เพราะจะกลายเป็นการเปิดช่องให้นักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์ ว่า สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ หลายวันนี้ตนได้ติดตามดู ซึ่งก็มีข่าวทุกวัน ขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมืองดำเนินการไป “ ในส่วนของการปรับเปลี่ยนครม.ก็เป็นเรื่องของผม ซึ่งผมจะรู้เองว่าควรจะพิจารณาเมื่อไหร่ อย่างไร แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเสนอตัวกันมาเยอะแยะในขณะนี้ พรรคร่วมก็เป็นเรื่องของพรรคร่วม ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็มีหลายพรรค เพราะฉะนั้นใครจะเป็นหรือไม่เป็นผมยังไม่ได้คิดซักอย่าง วันนี้ขอทำงานไปก่อนเพราะฉะนั้น กรุณาเลิกและงดเสนอข่าวพวกนี้ได้แล้ว มันเหมือนดราม่า มันเหมือนละครสักเรื่องหนึ่ง เหมือนดูละคร ก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเหมือนกัน ดังนั้นอย่าเพิ่งไปถึงตรงโน้นเลย อย่าพึ่งมาถามว่าผมจะปรับ ครม.หรือยัง ถ้าปรับเมื่อไหร่ผมจะบอกเอง บางทีก็ไม่ต้องบอก ผมก็ปรับเอง เป็นการตัดสินใจของนายกฯ แต่เพียงผู้เดียวในการที่จะปรับครม. ซึ่งก็มีสัดส่วนของแต่ละพรรคอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคจะว่ากันมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่าผลงานในรอบ 1 ปีพอใจมากน้อยเพียงใด นายกฯ กล่าวว่า ถือว่าพอใจ อยู่ในเกณฑ์ที่พอใจเพราะหลายอย่างที่ขับเคลื่อนมาก่อนหน้าได้รับการขับเคลื่อนต่อ อะไรที่มีปัญหาก็แก้ไข เช่นเรื่องรัฐวิสากิจก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขและบางกรณีก็ต้องรอเวลาให้สุกงอมถึงจะทำได้เนื่องจากติดขัดในข้อกฎหมายหลายประการ เมื่อถามว่าการที่นายกฯ ขอสื่อไม่ให้ถามเรื่องการปรับ ครม. แล้วได้สะท้อนไปยังผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ”ผมพูดไปหมดแล้วเมื่อสักครู่ ผมก็พูดไปแล้ว ที่สำคัญสื่อก็อย่าไปถามเขาก็แล้วกัน” เมื่อถามว่าหาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะกระทบกับการทำงานในส่วนของรองนายกฯ ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ทำไมล่ะ ถ้าท่านรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ก็เป็นเรื่องของท่าน ๆก็ต้องบริหารของท่านให้ได้ ผมมีหน้าที่ทำงานร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี ท่านก็ต้องทำงานทั้งสองด้านให้ได้ ถ้าท่านจะรับงานตรงโน้นก่อน ท่านก็ต้องทำงานตรงนี้ให้ได้เหมือนเดิม” เมื่อถามว่าจะทำให้งานของนายกฯ หนักมากขึ้นหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หนัก ทุกคนทำงานได้หลายอย่าง เรื่องของพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องของพรรค ไม่เกี่ยวกับการปรับ ครม.จะมาโยงกันได้อย่างไร การปรับ ครม.ก็เป็นเรื่องของ ครม.ก็มีสัดส่วนของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามติที่ประชุมของพรรค พปชร.เลือกพล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่ขัดใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ให้เป็นเรื่องของพรรคพปชร.เขา ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรค ถามว่าเป็นห่วงสุขภาพของพล.อ.ประวิตรหรือไม่ เพราะมีอายุมากแล้ว หากต้องรับ 2 ตำแหน่งก็อาจจะมีปัญหาได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ไปถามท่านดู สื่อเองก็รู้ว่าพรรคการเมืองก็เป็นแบบยิบย่อย ซึ่งทุกพรรคก็เป็นแบบนี้ เพียงแต่จะออกสื่อหรือไม่ออกผ่านสื่อเท่านั้นเอง วันนี้ก็เป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์กันอยู่ เป็นเรื่องสำคัญที่สื่อคุ้ยกันทุกวันอยู่แล้ว” เมื่อถามว่านายกจะเข้าไปสยบปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมจะไปสยบอะไรเล่า ก็เพียงแต่ขอร้องว่าอย่าพูดกัน ให้ข่าวกัน แล้วคนตัดสินใจเรื่องปรับครม. คือผมเข้าใจหรือไม่ ไม่ใช่หัวหน้าพรรค ในส่วนพรรคของท่าน ก็ไปเตรียมการคนของท่านไว้ เมื่อไหร่ที่ผมปรับครม.ก็นำมาพิจารณา และเมื่อผมพิจารณาแล้ว หากเห็นว่าไม่เหมาะสมผมก็เปลี่ยนคนเท่านั้นเอง อำนาจผมมีอยู่แล้ว” ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่กระแสข่าวการปรับครม.โดยเฉพาะ 3 รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะเกรงว่าอาจจะหลุดจากตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครหลุดหรือไม่หลุดเลย ใครจะหลุด ใครจะเข้า ผมยังไม่ได้ดูเลย ผมเอางานวันนี้ให้ได้ก่อน ก็ทำงานไปคนที่อยู่ในตำแหน่งวันนี้ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน” ส่วนที่ทั้ง 3 รัฐมนตรี จะมีการพูดกันถึงจุดยืนและท่าทีต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็คุยกันไป ก็คุยกันทั้งนั้น เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายกฯแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่คุยด้วยน่ะซิ” เมื่อถามว่าแล้วได้คุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยังพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ได้คุย”