ต่างชาติชูไทยเป็นแลนด์มาร์กด้านสุขภาพ/อานิสงค์จากการรับมือทางสาธารณสุขที่ดี

เมื่อเทรนด์การเดินทางได้เปลี่ยนแปลง โดยนักท่องเที่ยวนิยมการเดินทางกลุ่มเล็กลง และเลือกเดินทางกับคนคุ้นเคย เลือกเดินทางระยะสั้นมากกว่า จึงทำให้การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับสุขอนามัยมากขึ้น โดยการเลือกโรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ หรือการเดินทางด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม และทุกอย่างต้องผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย เป็นการเริ่มต้นในรูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) เป็นการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ สถานการณ์ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ภาพลักษณ์ที่ดีด้านสุขอนามัย ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การตลาดด้านท่องเที่ยวของไทย หลังโควิด-19 จะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะประเทศไทยเวลานี้มีภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งในเรื่องการดูแลด้านสุขอนามัย มีการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงในช่วงที่ผ่านมากับการส่งเสริมกลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ หรือเฮลท์ แอนด์ เวลเนสส์อยู่แล้ว ดังนั้นทาง ททท.คงวมุ่งเน้นกลุ่มตลาดที่เจาะจงมากขึ้น เพราะปัญหาหลักหลังจากโควิด-19 ไปแล้ว คือ การท่องเที่ยวที่ไม่เน้นจำนวนคน ซึ่งคงต้องเลือกกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง เพราะเป็นยุคที่จะต้องจำกัดคน และการให้บริการที่ดีขึ้นมากกว่าการแข่งขันกันเรื่องราคา ในเบื้องต้นทาง ททท. จะมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นกลุ่มเจนวาย และ กลุ่มมิลเลนเนียลส์ ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อต่อทริปสูงกว่าปกติ และคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะเข้ามาท่องเที่ยว แต่ทั้งนี้คงต้องขึ้นกับมาตรการปลดล็อคประเทศของทางรัฐบาล ที่จะอนุญาติให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา รวมทั้งสายการบินที่จะกลับมาบินอีกครั้ง กับมาตรการที่ยังต้องระวังเรื่องความปลอดภัยทางด้านเชื้อโรค ดังนั้นการทำตลาดด้านแมสที่มีคนจำนวนมากจึงเกิดขึ้นค่อนข้างยากในปีนี้ “เวลานี้ทางสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศทุกสำนักงานรอให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เพื่อจะนำกลุ่มเป้าหมายที่ได้วางแผนไว้เข้ามาในประเทศไทย แต่ทั้งนี้เป็นที่ชัดเจน ว่า นักท่องเที่ยวต่างประเทศ จะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะมีการอนุญาติให้เดินทางเข้ามาในประเทศ ดังนั้นกว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาได้คงจะเป็นในช่วงเดือนตุลาคมไปแล้ว” นายยุทธศักดิ์ กล่าว ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศ จะต้องเข้าไปทำในเรื่องของ supply size โดยเฉพาะมาตรการในเรื่องความปลอดภัย โดยให้การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในมาตรการการควบคุมโรค ทั้งเรื่องการจัดการด้านสุขอนามัย ความสะอาด ในที่พัก ร้านอาหารที่จะต้องมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจน ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะออกเดินทางในช่วงแรก น่าจะเป็นกลุ่มประชุมเล็กๆ กลุ่มครอบครัว ทั้งระยะไกล ระยะใกล้ เพราะจากข้อมูลที่สำรวจประชากรถึงการออกเดินทางท่องเที่ยวหลังโควิด-19 มีจำนวนคนกว่าประมาณ 60-70% ที่อยากจะออกเดินทางท่องเที่ยวในทันทีหลังจากมีการอนุญาตให้เดินทาง ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงแรกของการทำตลาดคงจะขายผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการนำเรื่องราวเข้ามาสอดแทรก โดยมีธรรมชาติที่สวยงามขึ้นจาการฟื้นตัวมาเป็นจุดขาย เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวออกเดินทาง มุ่งเจาะไปที่กลุ่มผู้หญิง กลุ่มเจนวาย และกลุ่มครอบครัว ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมกันนี้มีการประชุมผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวทั้งประเทศผ่านทาง Webinar เพื่อจะได้มีกรอบแนวคิดที่จะนำมาเป็นมาตรการที่ชัดเจนในการปฏิบัติ พร้อมด้วยหลักการในการฟื้นฟูธุรกิจหลังจากวิกฤติโควิด-19 ผ่านไปอย่างเป็นรูปธรรม ต่างชาติใช้เป็นฮับด้านการแพทย์ ขณะที่ นายเซบาสเตียน บาแซง ประธานกรรมการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารแอคคอร์ กล่าวว่า ทางแอคคอร์ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์รูปแบบใหม่กับแอกซ่า เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์แก่แขกผู้เข้าพักในโรงแรมกว่า 5,000 แห่งทั่วโลก โดยในเดือนกรกฎาคม 2563 ลูกค้าของแอคคอร์จะได้รับประโยชน์และการดูแลที่ดีที่สุดผ่านบริการทางการแพทย์ของแอกซ่าพาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติด้านบริการช่วยเหลือ ประกันภัยการเดินทาง และการคุ้มครองเครดิต “ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากแอกซ่าผ่านการแพทย์ทางไกล บริการให้คำแนะนำด้านสุขภาพและการแพทย์ โดยสามารถเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่กว้างขวางกว่าหมื่นคนของแอกซ่า ซึ่งบริการนี้ยังช่วยให้โรงแรมสามารถอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ เช่นภาษา ความชำนาญ และอื่น ๆ แก่ลูกค้าใน 110 จุดหมายปลายทางได้ดียิ่งขึ้น” นายเซบาสเตียน กล่าว ซึ่งบริการทางการแพทย์ดังกล่าว ถือเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมแผนการฟื้นฟูทั่วโลกของบริษัทที่รวมอยู่ภายใต้ ALLSAFE กฎเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขภาพและการป้องกัน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้เข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ทเครือแอคคอร์ กว่า 5,000 แห่งทั่วโลกอีกครั้ง โดยทางบริษัทได้จัดทำขึ้นเพื่อรองรับการเปิดโรงแรมในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ด้านแอกซ่า ถือเป็นโอกาสในการสร้างความแข็งแกร่งด้านพันธมิตรกับลูกค้า ที่มีเป้าหมายให้บริการด้านนวัตกรรมแก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสุขภาพ อันเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาธุรกิจ Ambition ประจำปี 2563