ตามที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ค แท็กซี่รับจ้างสาธารณะ ได้โพสต์คลิปวีดีโอการสนทนา โดยขึ้นหัวข้อว่า วินเถื่อน BTS แพรกษา มีคลิปครับพูดคุยสนทนาฟังดูกันเอาเองแล้วกันครับ แพรกษา BTS ฟังน้ำเสียงดูสิครับ การเรียกเก็บค่าจอดว่า จากบุคคลกลุ่มหนึ่ง โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2563 เวลา 08.30 น .โดยหลังจากเกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าว ได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ก่อนไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ โดยวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบนายทรงชัย อายุ 36 ปี โชเฟอร์รถแท็กซี่ คันที่ถ่ายคลิปดังกล่าว คืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 8 มิถุนายน 2563 พนักงานสอบสวน สภ เมืองสมุทรปราการ ได้เรียกนายชัยณรงค์ เนตรงามแท้ และ นายสุมนัส มั่นเจริญ สองคู่กรณีที่เรียกเก็บค่าที่จอดคิววินแท็กซี่หน้าห้างบิ๊กซีสมุทรปราการ และมีการโต้เถียงกับคนขับแท็กซี่ตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป มาให้ข้อมูล โดยทั้งสอง ได้ออกมายอมรับว่าเป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปจริง แต่ไม่ได้ทำร้ายใครตามที่เป็นข่าว น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน และอีกอย่างตนก็พึ่งเดินมาและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ตนมาห้ามเขา โดยยกมือโบกทั้งสองข้าง แต่พี่เขาหาว่าตนกระชากคอเสื้อเขา จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ ทำร้ายร่างกายก็ไม่ใช่ ถ้าทำร้ายก็ต้องมีบาดแผล ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายเขาแน่นอน ตนแค่เข้าไปห้ามให้เขาใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุยกันอาชีพเดียวกันจะได้ไม่มีปัญหากัน แต่พี่แก่ก็ไม่ฟังและโวยวายก่อน ในส่วนการเรี่ยไรเงินนั้น ตนพึ่งทำได้แค่ 3-4 วันเองเป็นการเรี่ยไร่เงินกันในกลุ่มเฉย ๆ และเป็นการรวมทีมวิ่งกันมานั่งคุยกันเฉย ๆ และช่วยดูการจราจรไม่ให้มันติดขัด ส่วนสติกเกอร์ที่ติดกันพวกตนทำกันเอง ไม่มีอะไรเพื่อนมาขอและก็เอาไปติด ถ้าถามว่ามาวิ่งหรือเปล่า ไม่ได้มาวิ่งเข้าไปวิ่งแถวกรุงเทพ ที่ทำนั้นเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ของกลุ่มพวกตนเท่านั้น ขณะที่นายทรงชัย แซ่ตั้น คนขับแท็กซี่ที่ถ่ายคลิป ยังคงยืนยันว่าจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนรำคราญ ทำร้ายร่างกาย อั่งยี่ซ่องโจร พฤติกรรมรวมกลุ่มกันตั่งแต่ 5 คน มีการจัดตั้งตัวเองเป็นชมรมสมาคมก็เข้าข่ายอั่งยี่ซ่องโจรแล้ว จะปล่อยไปไม่ได้ จะให้เสียค่าปรับอย่างเดียวไม่ได้ เพราะพวกนี้เป็นพวกมาเฟียปล่อยไปได้ยังไง ถ้าปล่อยไป ถ้าผมโดนทำร้าย จะทำอย่างไร ถ้าเอาเขาเข้าคุกได้ลูกน้องเขาจะไม่กล้า แต่ถ้าปล่อยให้ลูกพี่ออกมากร่างข้างนอกอย่างนี้ ตนและครอบครัวจะอยู่กันอย่างไร ด้าน พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จิดดาวัฒน์ ผกก. สภ เมืองสมุทรปราการ ได้เปิดเผยว่า เรื่องที่มีบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่หน้าตำรวจ ภายในห้องพนักงานสอบสวนนั้น จากการตรวจสอบพบว่า เป็นอาสาที่มาช่วยขับรถให้กับพนักงานสอบสวนลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ โดยชายคนดังกล่าวเห็นโชเฟอร์แท็กซี่ก็เลยเข้ามาถาม คิดว่าเป็นคนของวินแท็กซี่ที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าที่มีปัญหากันอยู่ แต่จากการสอบถามแล้วพบว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ส่วนเรื่องที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาเรียกเก็บค่าที่จอดคิวแท็กซี่และมีการทำร้ายร่างกายนั้น ได้สั่งการณ์ให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เชิญตัวมาสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งทางกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ให้การปฏิเสธและอ้างว่าเป็นการเข้าใจผิด ส่วนเรื่องการเรียกเก็บค่าที่จอดนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง