เผยเคสคนไข้ล่าสุดกินดิบจิ้มน้ำพริกในปริมาณมาก จนต้องหามส่งรพ. ด้วยอาการปัสสาวะเป็นเลือด-ปัสสาวะไม่ออก ตรวจพบกรดเจงโคลิกตกผลึกไปบาดระบบปัสสาวะทำให้เลือดออก ชี้ยิ่งกินมากอาการยิ่งหนัก เกิดได้ใน 2-14 ชม.หลังกิน แนะให้ต้มในน้ำเดือด 10 นาที หรือฝานบางๆ ไปตากแดดก่อนเพื่อลดพิษ ย้ำอย่าตื่นตกใจ ลูกเนียงกินได้แต่ต้องกินให้เป็น-พอประมาณ ไม่ให้อร่อยปาก ลำบากไต พญ.ณัฐกานต์ ชื่นชม หรือ หมอเบียร์ โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “เรื่องเล่าหมอชายแดน” เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.63 ระบุ ”มะตึ่งยาง (ลูกเนียง)..อร่อยปาก ลำบากไต” โดยว่า “...ลูกเนียงหรือมะตึ่งยาง (djenkol bean)เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน รสชาติคล้ายกับสะตอ ลูกเหรียง คนนิยมเอามาต้มจิ้มน้ำพริก หรือกินดิบ ซึ่งการกินแบบดิบๆหรือสุกไม่ทั่วมันก่อพิษได้ (Djenkol Bean Poisoning: Djenkolism) ผู้ชายไทยอายุเพียง 30 ปี ไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆ แข็งแรงมาก กินลูกเนียงดิบปริมาณมากจิ้มน้ำพริกอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อสองวันก่อน 1 วันต่อมาเริ่มปวดท้องน้อยหน่วงๆ ต่อมาปัสสาวะลำบากมาก เป็นเลือดแดงสด และไม่กี่ชั่วโมงต่อมาปัสสาวะไม่ออกเลยจึงมา รพ.หลังจากใส่ท่อปัสสาวะพอมีปัสสาวะออกมาให้ตรวจก็พบเป็นตะกอนเหลืองขุ่น และส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์พบผลึกรูปเข็มของกรดอะมิโนที่ชื่อ กรดเจงโคลิก เต็มไปหมด มีเม็ดเลือดแดงปนออกมาจำนวนมาก ตรวจเลือดพบว่ามีภาวะไตวายเฉียบพลัน ค่า creatinine ขึ้นไปถึง 9.2 ในขณะที่คนปกติมีค่าน้อยกว่า 1.0 ตอนนี้กำลังให้สารชนิดด่าง(ไบคาร์บอเนต) ดริปทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยให้ผลึกเหล่านั้นละลายและไม่อุดตันท่อไต เช้านี้ปัสสาวะเริ่มออกมากขึ้นและเหลืองปนแดงจาง รอลุ้นกันค่ะว่าเขาจะได้ฟอกไตหรือไม่... นอกจากเคสนี้ก็มีเคสอื่นๆที่นอนอยู่ในวอร์ดอีก 3 คนค่ะ การเกิดพิษของลูกเนียงไม่ได้เกิดกับมนุษย์ทุกคนนะคะ.. แต่เราไม่ทราบว่าจะเกิดกับใครบ้าง การเกิดไตวายเกิดจากกรดเจงโคลิกที่มีในลูกเนียงดิบ เมื่อปัสสาวะของคนไข้ที่มีสภาพเป็นกรด กรดอะมิโนตัวนี้ไม่สามารถละลายได้จึงทำให้ตกผลึกไประคายเคืองระบบปัสสาวะ ไปบาดทำให้เลือดออก ไปอุดตันแบบเฉียบพลัน ทำให้มีปัสสาวะเป็นเลือดและปัสสาวะไม่ออก ยิ่งกินมากอาการยิ่งรุนแรง อาการจะเกิดภายใน 2-14 ชั่วโมงหลังกินลูกเนียง ถ้ามีอาการเมื่อไหร่.. ต้องรีบมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาทางการแพทย์ รอช้าอาจจะไตวายหรือเสียชีวิตได้ค่ะ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากคือ เด็กเล็กๆ และผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมอยู่แล้ว การป้องกันไม่ให้เกิด คือ ทำลายกรดเจงโคลิคในลูกเนียงให้ได้มากที่สุดก่อนรับประทานด้วยการต้มน้ำร้อนเดือดให้สุกมากกว่า 10 นาที หรือต้มในสารโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือผ่าฝานบางๆตากแดดก่อนนำมาต้ม แต่จะสามารถทำลายพิษได้มากน้อยแค่ไหนเราวัดไม่ได้แต่น่าจะมากกว่า 50% ดังนั้นประชาชนที่บริโภคพึงระวังให้มากๆโดยทำลายพิษให้ได้มากที่สุดก่อนรับประทาน หลังรับประทานให้ดื่มน้ำมากๆ และหากมีอาการผิดปกติดังกล่าวให้มาพบแพทย์ทันทีอย่ารอช้าค่ะ .. ต้องขอโทษพ่อค้าแม่ขายด้วยค่ะที่ต้องออกมาเตือนประชาชนตรงนี้ อยากให้ทุกท่านกินลูกเนียง กินอย่างถูกต้อง และพอประมาณนะคะ จะได้ไม่อร่อยปากแต่ลำบากไตค่ะ Credit รูปภาพตะกอนปัสสาวะ และผลึกเจงโคลิกได้รับความอนุเคราะห์จากคุณ ศศิ บุญมี เจ้าหน้าที่ห้องแลปโรงพยาบาลแม่สอด”