อุทยานฯหาดเจ้าไหมตรังร่วมกับประมงพื้นบ้านจัดกิจกรรมปล่อยปูม้าคืนสู่ทะเลตรัง หลังชาวบ้านอนุรักษ์จัดตั้งธนาคารปูเพาะลงถังก่อนส่งกลับทะเล2ล้านตัว เมื่อเวลา07.00น.วันที่6มิถุนายน ที่ชายหาดฉางหลาง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง นายณรงค์ คงเอียด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมตรัง พร้อมชาวประมงพื้นบ้านในเขตพื้นที่และพนักงานเจ้าหน้าที่ชาวบ้านเยาวชนและเด็กๆร่วมกันจัดกิจกรรมตามโครงการขยายผลธนาคารปูม้าเพื่อคืนสู่ทะเลไทย โดยการนำปูม้าที่มีไข่ซึ่งกลุ่มประมงพื้นบ้านนำมาให้แล้วปล่อยลงถังเพาะเพื่อให้ปูได้สลัดไข่ แล้วเลี้ยงไว้ประมาณ 1ถึง2คืน จึงนำไปปล่อยสู่ทะเล นายณรงค์ กล่าวว่า หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าเที่ยวทะเลและบริเวณชายหาดได้ ส่งผลให้ทรัพยากรทางทะเลได้รับการฟื้นฟูเพิ่มความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น สังเกตได้จากบริเวณทะเลตรังมีฝูงพะยูน และโลมา แหวกว่ายอวดโฉมโล้คลื่นให้เห็นอยู่บ่อยครั้งอีกทั้งแหล่งปะการังจะอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น "อย่างไรก็ตามแม้ว่าทางรัฐบาลจะมีการประกาศผ่อนคลายในเฟส3ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวทะเลกันอย่างต่อเนื่องแต่ทางอุทยานฯหาดเจ้าไหมร่วมกับหน่วยงาน ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ตรวจตราคุมเข้มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวชายหาดจนกว่าจะมีการประกาศเปิด แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากขณะนี้การท่องดเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามันซึ่งเป็นหน้ามรสุมจึงมีการประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวตามเกาะแก่งออกไปอีก ดังนั้นการคืนฟื้นความสมบูรณ์ของทะเลยังคงได้รับการดูแลด้วยธรรมชาติต่อไป"นายณรงค์ กล่าว นายณรงค์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ทางอุทยานฯหาดเจ้าไหมได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและโชคดีที่ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชาวบ้านในชุมชนพื้นที่ โดยมีการจัดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์อย่างเข้มข้น อาทิการจัดโครงการโครงการขยายผลธนาคารปูม้าเพื่อคืนสู่ทะเลไทย โดยการนำปูม้าที่มีไข่ซึ่งกลุ่มประมงพื้นบ้านนำมาให้แล้วปล่อยลงถังเพาะเพื่อให้ปูได้สลัดไข่ แล้วเลี้ยงไว้ประมาณ 1ถึง2คืน จึงนำไปปล่อยสู่ทะเลและในวันนี้ทางอุทยานฯหาดเจ้าไหมร่วมกับชาวประมงพื้ีนบ้านและชาวบ้านฉางหลาง ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ร่วมกันปล่อยลูกพันธุ์ปูม้าจำนวน2ล้านตัว คืนสู่ทะเลหน้าบ้านเพื่อเป็นการอนุรักษ์ปูม้าให้อยู่คู่ทะเลตรังและเป็นแหล่งทำกินของชาวประมงพื้นบ้านอีกด้วย