วันที่ 30 พ.ค.2563 ที่รัฐสภา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อภิปรายชี้แจงการดำเนินการป้องกัน และแก้ไขปัญหาโควิด-19 ว่า เรามีการดำเนินการตรวจคัดกรองตั้งแต่เริ่มการมีการระบาดโควิดใหม่ๆจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าไม่ได้ทำ จึงอยากเรียนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะนี้เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ประวัติศาสตร์ ทำไมไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ซึ่งความจริงแล้วเรามีการติดตามสถานการณ์ดำเนินการไปทุกภาคส่วน ว่าจะใช้มาตรการอย่างไร แล้วมีการปฏิบัติตามระดับ เป็นไปตามสถานการณ์จนถึงปัจจุบัน “การมาบอกว่าทำไมไม่ปิดประเทศตอนนั้น ตอนนี้มาพูดให้ปิดประเทศ ณ นาทีนั้นไม่ใช่ แล้วถ้าทำ ก็กระเทือนเศรษฐกิจมาก แล้วจะมีคนมากบอกอีกว่าใช้ยาแรงเกินไป เป็นการวิพากษ์ประวัติศาสตร์” รมว.มหาดไทย กล่าว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่องของการประกาศเคอร์ฟิว หากจะให้เคอร์ฟิวทั้ว24ชั่วโมง คงจะกระทบกระเทือนเศรษฐกิจสังคมมาก ที่ผ่านมาเรามีการประเมินสถานการณ์ตลอด แล้วปิดตามลำดับเวลา เพื่อลดการเคลื่อนย้ายให้มากที่สุด และส่งเสริมให้ประชาชนชนรู้จักป้องกันตัวเอง รักษาระยะห่าง สวมหน้ากาก คือความสำเร็จของการแพร่กระจายโควิด-19ในไทย พอเราทำสำเร็จ ก็มาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเคอร์ฟิวอย่างนั้น อย่างนี้ มันไม่มีการเมืองไปอยู่ตอนกลางคืน เขาไม่ได้ไปอิงการเมือง ที่ต้องลดการเคลื่อนย้าย เพราะป้องกันการรวมกลุ่มมั่วสุมของวัยรุ่น หรือเล่นการพนัน ตนขอยืนยันว่าประเทศไทยทำสำเร็จ ตนยังไม่เคยเห็นประเทศไหน เป็นแบบอย่างเท่าประเทศไทย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เรากำลังเริ่มผ่อนคลายมาตรการ โดยเฉพาะการเตรียมการที่จะนำนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่คิดทำ แต่ถ้าให้เราเปิดการท่องเที่ยวเลย แล้วให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ตนยืนยันว่าไม่มีทาง เพราะเรายังไม่มีมาตรการที่จะทำให้ไม่เกิดการระบาด ดังนั้นจึงต้องค่อยๆผ่อนคลายมาตรการ คู่ไปกับเน้นสุขอนามัยประชาชน อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดที่เราได้รับคำชมจากนานาประเทศ เพราะเราไม่ปฏิเสธการรักษา และรักษาตามอาการ ไม่ใช่เรารักษาโรคโควิดได้