วันที่ 30 พ.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ขอเปิดเผยถึงการจับกุมผลยาเสพติดรายสำคัญ ในพื้นที่ สภ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฝาง ว่า สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีรถกระบะ เข้ามาในพื้นที่ อ.ฝาง เพื่อมาขนยาเสพติดลงไปในพื้นที่ตอนล่าง ต่อมาวันที่ 29 พ.ค. 2563 เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ฯ ได้รับการแจ้งสายลับว่ามีรถกระบะบรรทุกลักษณะตามที่เคยแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ เข้ามาในพื้นที่ อ.ฝาง เพื่อจะมาขนยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่ ต่อมาวันนี้ (30 พ.ค. 63) เวลาประมาณ 00.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ พบรถกระบะบรรทุกคันดังกล่าว บริเวณถนนสายเลี่ยงเมืองฝาง จึงได้ติดตามรถคันกล่าวไป และรถยนต์คันดังกล่าวได้เข้าไปจอดอยู่ที่บริเวณลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่ง ต.สันทราย อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าติดตาม และประสานกับเจ้าของโรงแรมฯ เกี่ยวกับเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว ทราบว่าเป็นผู้หญิง ได้มาเช่าพักอยู่ จึงได้เข้าไปตรวจสอบในห้องดังกล่าว พบ น.ส.ณิศมน อยู่ภายในห้อง จากการสอบถาม ให้การยอมรับว่าตนขับรถยนต์คันดังกล่าวจริง โดยมีนายสุทัศน์หรืออ้วน และนายยอดรัก ขับรถนำทาง โดยนายสุทัศน์หรืออ้วนฯ ได้เช่าพักอยู่อีกห้อง ส่วนนายยอดรักฯ เช่าพักอยู่ที่ห้องถัดไปอีก เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ไปตรวจสอบทั้งสองห้องดังกล่าว พบตัวทั้งสองคนอยู่ภายในห้องพัก ต่อมาเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เชิญทั้ง 3คน มายังรถกะบะบรรทุกคันดังกล่าว เพื่อจะเปิดดูสิ่งของที่อยู่ภายในโครงหลังคาตู้ทึบ เมื่อเปิดดูพบว่าเป็นยาบ้า จำนวน 77 กระสอบ ( ยาบ้าจำนวนประมาณ 14 ล้านเม็ด) เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เชิญตัวทั้งสามคนพร้อมของกลางมายัง สภ.ฝาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 3ราย ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และจะดำเนินการตามขั้นตอนขแงกฎหมายที่เกี่ยวข้องฝากเตือนไปยังผู้ที่คิดจะฉวยโอกาส หาช่องว่างกระทำความผิดในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด -19 รวมถึงผู้ที่มีการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกนอกเคหะสถานโดยไม่มีเหตุอันควร หรือ รวมกลุ่ม ชุมนุม มั่วสุม ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อฯ หากมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยไม่มียกเว้น