เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่รัฐสภา น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รัฐบาลท่านนายกฯบริหารโดยปล่อยให้มีการเยียวยาที่ผิดพลาด จนมีคนไปฆ่าตัวตายที่หน้ากระทรวงการคลัง ความผิดพลาดที่ชี้ชัดที่สุดคือการลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน กลับกลายเป็นเราจะเละด้วยกัน ระบบล่มตั้งเเต่ชั่วโมงเเรกที่เปิดให้ลงทะเบียน ขณะนี้หลายมิติมีปัญหา ประชาชนเเทบไม่มีเงินในมือ หนี้ครัวเรือนสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในรอบ 5 ปี การลงทุนชะงักงันหลายบริษัททยอยปิดตัว ต่างชาติไม่มั่นใจย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้การว่างงานสูงขึ้น7-10 ล้านคน การส่งออกก็หัวทิ่ม แต่วันนี้รัฐบาลจะมาออกพ.ร.ก.กู้เงินครั้งใหญ่ที่สุด เราจะมั่นใจได้อย่างไรในเมื่อไม่เห็นประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงิน อยากให้นายกฯ หันมาดูตัวเลขการฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจ ณ วันที่ 1-30 เม.ย. จากศูนย์วิจัยของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่า การฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจมีจำนวนสูง 44 ราย โดยเสียชีวิตแล้ว 31 ราย อีก 13 ราย ยังไม่เสียชีวิต หากนายกฯ ปล่อยให้ดำเนินนโยบายเเย่แบบนี้ต่อไป คาดว่า ในอนาคตจะมีคนที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย เพราะพิษเศรษฐกิจมากกว่าตายจากโรคโควิด-19 ซึ่งการฆ่าตัวตาย เป็นข้อบ่งชี้ความล้มเหลวของรัฐบาลอย่างรุนเเรง เพราะคนตัดสินใจเลือกความตายเพื่อให้พ้นความเดือดร้อนเพราะหาที่พึ่งพาไม่ได้ "ฝากถึงนายกฯ และคณะว่า ท่านอย่าบริหารงานภายใต้การรักษาความมั่นคงในอำนาจของตัวท่านเอง คืนความอิสระในการทำงานให้กับทุกอาชีพ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผลเสียมากกว่าผลดี ต้องยกเลิกเคอร์ฟิว เพราะโควิด-19 ไม่ได้ระบาดเเค่เฉพาะตอนกลางคืน วันนี้ท่านเริ่มยกเลิกได้เลย ประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะเกิดการจราจลจนต้องคงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างเช่นทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทำให้ตนเข้าใจผิดอดคิดไม่ได้ว่า รัฐบาลกำลังควบคุมพวกเรา ไม่ได้จะควบคุมโรค"