ก่อนหน้านี้รัสเซียได้แสดงความกังวลและเรียกร้องให้โลกตระหนักถึงชีวภาพที่เพิ่มของสหรัฐอเมริกานอกเขตแดนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเขตอดีตสหภาพโซเวียต โดยจอร์เจียและคาซัคสถานซึ่งมีข้อพิพาทกันมากที่สุดก็ได้รับความสนใจ ห้องปฏิบัติการในประเทศที่สามโดยทุนจากสหรัฐอเมริกา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา (Maria Zakharova) ได้กล่าวเน้นย้ำในวันที่ 17 เมษายน 2020 อเมริกามีห้องทดลองด้านชีวภาพแผ่กิ่งก้านสาขาในดินแดนโพ้นทะเล โดยเฉพาะในประเทศอดีโซเวียตซึ่งมีความน่าสัยถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง ภายใต้โครงการ "ลดภัยคุกคามแบบร่วมมือ" ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือศูนย์วิจัยด้านสาธารณสุข "ริชาร์ดลูการ์" ของสหรัฐในจอร์เจีย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่กองทัพอเมริการใช้สำหรับควบคุมโรคติดเชื้อ ตามคำกล่าวอ้างของรัสเซีย "เจ้าหน้าที่อาวุโสของเพนตากอนได้ไปเยือนศูนย์วิจัยดังกล่าวและเสนอให้จอร์เจียขยายขอบเขตงานวิจัย" ตามสถานการณ์ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานประเภทนี้มีศักยภาพทางชีวภาพที่เป็นอันตรายซึ่งเชื่อได้ว่า "ห้องปฏิบัติการในประเทศที่สามของสหรัฐอเมริกาสามารถสร้างและปรับเปลี่ยนเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่างๆรวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร" ซึ่งปัญหาเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกามาโดยตลอด อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ ทางสหรัฐอเมริกายังไม่มีการตอบโต้เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวโดยตรง เว้นแต่การกล่าวโทษที่เพิ่มขึ้นเพื่อเปลี่ยนประเด็นเท่านั้น วัตถุประสงค์ทางทหารที่เป็นไปได้ของห้องปฏิบัติการ่โดยการควบคุมของสหรัฐฯ นักวิทยาศาสตร์ทางการเมืองและหัวหน้า Eurasian Analysis Club นายนิกิต้า เมนโควิท (Nikita Mendkovich) ได้ติดตามเรื่องเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการทางชีวภาพในคาซัคสถานมานาน เขาให้สัมภาษณ์กับ News Front published เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2020 ว่าการวิจัยค้างคาวอาจเกี่ยวข้องกับการทหาร การพัฒนานั้นมีความเกี่ยวข้องเพราะจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ "พวกเขาดำเนินการโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือสหรัฐฯในอาณาเขตของสถาบันวิจัยความปลอดภัยทางชีวภาพแห่งคาซัคสถาน ดำเนินการและให้ทุนโดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ที่เรียกว่า "หน่วยงานป้องกันภัยคุกคาม" กาวิน สมิธ (Gavin Smith) หัวหน้าทีมวิจัย เคยศึกษาโคโรนาไวรัสในค้างคาวที่อยู่ใกล้กับฐานทัพเรือสหรัฐฯ โดยแมรี่แลนด์ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการวิจัย นอกจากนั้น งานวิจัยของเขาในคาซัคสถานยังได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐซึ่งทำให้การเชื่อมต่อนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นงานในถ้ำของคาซัคสถานยังดำเนินการภายใต้โครงการ KZ-33 ของสำนักงานป้องกันภัยคุกคามจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาซึ่งเรียกว่า "โคโรนาไวรัสระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลาง" นายเมนโควิท (Mr. Mendkovich) เชื่อว่าเมื่อทหารของต่างประเทศทำการศึกษาสายพันธุ์ไวรัสและสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่นที่สามารถทำหน้าที่เป็นพาหะ เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของสงครามชีวภาพ ซึ่งเมื่ออ้างอิงจากหลักฐานที่เพิ่มขึ้นสามารถชี้ให้เห็นว่าห้องปฏิบัติการนอกอาณาเขตสหรัฐฯอาจทำการวิจัยทางชีววิทยาทางทหารเพื่อผลประโยชน์ของกองทัพสหรัฐฯและพันธมิตรของนาโต้ จากข้อสงสัยดังกล่าวทำให้ผู้คนเริ่มให้ความสนใจในเรื่องศิลธรรมทางการเมือง ความผิดพลาดของห้องปฏิบัติการสหรัฐอเมริกา การละเมิดความปลอดภัยและเหตุการณ์ที่เกือบผิดพลาดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากความกังวลด้านการเมืองและการทหารที่มีต่อห้องแล็บของสหรัฐอเมริกาในประเทศที่สามแล้ว สหรัฐฯยังมีปัญหาด้ายความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการ จากรายงานของ USA TODAY Network เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พบว่าเกิดความผิดพลาดในงานวิจัยหลายร้อยครั้งการฝ่าฝืนความปลอดภัย และเหตุการณ์ที่เกือบพลาดในห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาตามแนวชายฝั่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในสถาบันที่ทำงานร่วมกับเชื้อโรคที่อันตรายที่สุดในโลกในห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 3 และ 4 ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงสุดอีกเหตุการณ์หนึ่งนับตั้งแต่เกิดการโจมตีในวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ไม่มีรายชื่อห้องปฏิบัติการที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ยิ่งไปกว่านั้นกระทรวงสาธารณสุขของมลรัฐที่รับผิดชอบเกี่ยวกับโรคระบาดไม่มีข้อมูลขอบเขตการวิจัยและบรรทึกความปลอดภัยของงานวิจัยดังกล่าว แม้แต่รัฐบาลกลางก็ไม่มข้อมูลดังกล่าว ปีที่แล้วห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ (Fort Fort Detrick Laboratory) รัฐแมรี่แลนด์ถูกปิดถึงสองครั้งเนื่องจากการจัดการที่ไม่เหมาะสมของเชื้อโรคที่เป็นอันตราย เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนเกิดความกังวล ทำนองเดี่ยวกันเนื่องจากสถานะเป็นความลับทำให้ประชาชนไม่สามารถรรู้ถึงรายละเอียดโครงการและวัตถุประสงค์ในการวิจัย ยิ่งทำให้เกิดข้องกังขาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว