ครม.เห็นชอบหลักการเยียวยากลุ่มเปราะบาง 13 ล้านคน จ่าย 1,000 บาท 3 เดือน พร้อมไฟเขียวต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ลุ้น"ศบค."เคาะผ่อนปรนระยะ3-4 ศุกร์นี้ แจงเหตุคง"พรก.ฉุกเฉิน" หวังบูรณาการเบ็ดเสร็จทุกภาคส่วนสู้โควิด-19 ระบุลำพัง"สธ."เอาไม่อยู่ พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายร่วมมือคุมไวรัสระบาด ปลื้ม"หมอมะกัน"ยกไทย 1 ใน 5 ประเทศ คุมโควิดสำเร็จ ด้าน"อนุทิน"เผยมีข่าวดี หลัง "พิพัฒน์" จ่อชง ศบค.ปลดล็อกเฟส 3 ให้ท่องเที่ยวไทยได้ "กลาโหม" เผยพบเหลือบกินหัวคิวโรงแรมใช้กักตัวผู้ติดเชื้อมีมากกว่า "พ" แย้มส่งหลักฐานถึงมือตำรวจแล้ว ส่วน"เทพไท"ฟันธงพ.ร.ก.กู้เงินผ่านฉลุย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 พ.ค.63 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิ.ย.63 ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)เสนอ โดยพิจารณาปัจ จัยในเรื่องสาธารณสุขเป็นหลัก ส่วนมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 และ 4 จะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันศุกร์นี้ (29 พ.ค.) นางนฤมล ระบุว่า พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอบคำถามถึงกรณีที่มีบางกลุ่มยื่นคัดค้านการขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน ว่า การที่รัฐบาลนำพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาบังคับใช้ รวมถึงการพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ในแต่ละครั้งนั้น เป็นการพิจารณาโดยคำนึงถึงเหตุผลทางด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ไม่ใช่เหตุผลทางการเมือง นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีการเยียวยากลุ่มเปราะบางซ๋ษ ที่ประชุม ครม. เห็นชอบในหลักการผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท มาตรการการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกลุ่มเปราะบางแบ่งเป็น 3 กลุ่ม รวมประมาณ 13 ล้านคนคือ กลุ่มเด็กแรกเกิด ถึง 6 ปี จากครัวเรือนที่มีความยากจน ประมาณ 1.45 ล้านคน กลุ่มผู้สูงอายุ ประมาณ 9.66 ล้านคน กลุ่มผู้พิการ ประมาณ 2 ล้านคน ทั้งนี้ การจ่ายเงินเยียวยาจะให้รายละ 1,000 บาทต่อเดือน เป็นการเพิ่มจากเงินอุดหนุนจากที่ได้รับอยู่แล้ว คือ เงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด, เบี้ยความพิการ, และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยจะจ่ายเงิน 1,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ พ.ค. - ก.ค. แต่เพราะอยู่ในช่วงสิ้นเดือน พ.ค.แล้ว จึงจะเริ่มจ่ายในเดือน มิ.ย. จำนวน 2,000 บาท และ ก.ค. อีก 1,000 บาท ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงถึงกรณีการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19คงที่ โดยไม่ใช้พ.ร.บ.ควบคุมโรคว่า ก่อนจะประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ใช้พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่ออย่างเดียว ซึ่งการประสานงานกันในกระทรวงทำได้ระดับหนึ่ง แต่การจะไปคุมตามด่านต่างๆ หรือการประชุมสั่งการกระทรวงใด กระทรวงหนึ่ง ไม่สามารถทำได้ หรือแม้จะทำได้ แต่ทำก็ทำได้ไม่ดี ซึ่งแตกต่างจากการมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ได้นำกฎหมายอื่นรวมกว่า 40 ฉบับมาบูรณาการร่วมกัน ในการควบคุม โดยถือเป็นความสำเร็จอีกด้านหนึ่ง ในการจัดการกฎหมาย ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข ขอขอบ คุณทุกส่วนราชการ ทุกหน่วยงานที่เข้ามาร่วมกันจัดการให้การควบคุมโรค จนประสบความสำเร็จ จึงอยากฝากว่า เรา มาถึงตรงนี้ไม่มีใครได้เครดิต หรือความชอบอย่างเดียว เพราะเรื่องนี้ภาครัฐต้องเข้มข้น ภาคเอกชนก็ต้องเข้มแข็ง ประชาชนต้องร่วมแรงกันถึงจะชนะ และประเทศไทยจะได้ไปต่อ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นพ.อีริค เจฟฟรีย์ โทพอล แพทย์โรคหัวใจ สหรัฐอเมริกา ยกไทยติด 1 ใน 5 ประเทศ ที่ควบคุมโควิด โดยยกย่อง 5 ประเทศ ที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ นิวซีแลนด์ ไอซ์แลนด์ ไต้หวัน เวียดนาม และไทย โดยยอดกราฟผู้ป่วยเป็นระฆังคว่ำ แสดงว่ายอดลงมา เราก็ต้องทำให้ดีต่อเนื่อง เพื่อเป็นตัวอย่างให้ชาติอื่นของโลก ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จะเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ให้ผ่อนคลาย ระยะที่ 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวภายในประเทศว่า "เราน่าจะมีข่าวดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราอย่าการ์ดตก อย่าประมาท ล้างมือออกจากบ้านก็ใส่หน้ากาก กินข้าวแยกซ้อนกันแล้วยังต้องรักษาระยะห่างทางสังคมต่อไป" เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวคนในกระทรวงสาธารณสุข ไปแอบอ้างและไปหักหัวคิวจากโรงแรมที่เข้าโครงการเป็นสถานที่กักกันของรัฐ นายอนุทิน กล่าวว่า ขอยืนยันว่า "ไม่มี และไม่ต้องห่วงเรามีทั้งกล้องวงจรปิด และเทคโน โลยีที่ทันสมัยถ้าใครมีหลักฐานอะไรขอให้ส่งเข้ามา" ส่วน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีลงพื้นที่ตรวจสอบประเด็นข้อกล่าวหามีคนใน ศบค.ไปเก็บหัวคิวเจ้าของโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบข้อกล่าวหามีมูล และมีผู้เกี่ยวข้องหลายคน ไม่เฉพาะอักษรย่อ "พ" ตามที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญระบุ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดได้ เพราะจะมีผลต่อรูปคดี "ได้ส่งเอกสารหลักฐานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสอบสวนต่อแล้ว และหากผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการ จะต้องเอาผิดทั้งวินัยและอาญา ซึ่งเชื่อว่ากระบวนการของตำรวจจะสามารถดำเนินการเอาคนผิดมาลงโทษได้เร็ว ซึ่งการกระทำผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าวนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการแต่อย่างใด แต่เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น" ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณา พ.ร.ก.4 ฉบับ และ พ.ร.ฎ. 1 ฉบับ ของรัฐบาล ในวันที่ 27-31 พ.ค.นี้ ว่า มั่นใจการลงมติจะผ่านความเห็นชอบได้อย่างแน่นอน เพราะสมาชิกสภาฯฝ่ายรัฐบาลทุกคนจะต้องลงมติเห็นชอบตามมติของวิปรัฐบาล เพราะเป็นกฎหมายสำคัญของรัฐบาล ถ้า พ.ร.ก 4 ฉบับนี้โหวตไม่ผ่าน ตามมารยาททางการเมือง รัฐบาลก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ ไม่ยุบสภา ก็ต้องลาออก ซึ่งยังไม่มีพรรคการเมืองใดพร้อมจะรับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในขณะนี้