จากกรณีชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้เผยแพร่คลิปภาพชาย อ้างตัวเป็นทหารยิงปืนขึ้นฟ้า พร้อมข้อความผ่านเฟสบุ๊คว่าภาพทหารยิงปืนขึ้นฟ้าเหมาะสมหรือไม่ ดังที่ปรากฏในสื่อโซเชียลจนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา นั้น ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 63 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เปิดเผยว่า ภายหลังทราบเหตุ พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยต้นสังกัดเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจากการตรวจสอบเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า “ พราง พิฆาต ” ของชายคนดังกล่าวที่อ้างตัวเป็นทหารยศสิบเอกยิงปืนขึ้นฟ้าฉลองต้อนรับวันฮารีรายอ พบว่า เป็นอดีตพลทหาร สังกัด ร.152 พัน.3 ชื่อ นาย อิสมาแอ เจะซอ ปลดประจำการไปเมื่อ 30 เม.ย. 63 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 200 ม.1 ต.มะนังดาลัม อ.สายบุรี จ.ปัตตานี “จากการที่หน่วยได้เข้าพบปะพูดคุยกับ นาย อิสมาแอ และครอบครัว รวมถึงได้ตรวจสอบพฤติกรรม ที่ผ่านมา พบว่า เคยใช้รูปของ ส.ท. อิสมาแอ ดามะ สังกัด ร.152 พัน.3 ซึ่งเคยเป็นครูฝึกมาแอบอ้างว่าเป็นตนเอง เนื่องจากมีชื่อที่คล้ายกัน และคิดว่าถ้าตนมียศทหารจะมีผู้หญิงเข้ามาคุยด้วย และเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจซึ่งจากการกระทำในครั้งนี้ นาย อิสมาแอ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้กล่าวขอโทษผ่านเฟสบุ๊คของตนเอง และยืนยันว่าตนไม่ใช่กำลังพลของค่ายสิรินธร ตามที่เคยกล่าวอ้าง และปืนที่ใช้ยิงในวันเกิดเหตุไม่ใช่ปืนจริง แต่เป็นปืน “ แบลงค์กัน ”ที่มีแต่เสียง ไม่มีการขับเคลื่อนกระสุนออกมาจากลำกล้อง ซึ่งเป็นปืนลักษณะเดียวกันกับที่ใช้ในการแสดงหนัง ทางหน่วยจึงได้ทำการตักเตือนบุคคลดังกล่าว แต่ไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด” รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว พ.อ.วัชรกร ยังกล่าวอีกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ได้มีนโยบายกวดขันวินัยกำลังพลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับพี่น้องประชาชน และหากมีการตรวจพบการกระทำความผิด ก็จะมีการลงโทษทั้งทางวินัย และอาญาทหารขั้นเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น จึงขอให้สังคมได้มีความมั่นใจว่ากองทัพจะไม่ปกป้องผู้กระทำความผิดในทุกกรณี และหากพบเห็นเจ้าหน้าที่ทหารกระทำความผิด หรือสร้างความเดือดร้อน ขอให้แจ้งหน่วยต้นสังกัดทราบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน และพิจารณาลงโทษตามความเหมาะสมต่อไป