วันที่ 23 พ.ค.63 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ จนท.ตร.สส.ภ.8 เข้าจับกุมชาวประมงพื้นบ้านและเรียกเงินเป็นการแลกเปลี่ยนกับที่ไม่ถูกดําเนินคดี นั้น ได้รับรายงานจาก ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ว่า วันนี้ (23 พ.ค. 63) คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ในส่วนคดีอาญา ที่ พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม ได้ร่วมกันสอบปากคำ นายอนุชา บินมูซา ผู้กล่าวหา พร้อมทั้งให้ นายอนุชาฯ นำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำให้การ และ ได้ร่วมสอบปากคำพยาน ผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วหลายปาก จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้น เห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นาย มีความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตาม ป.อาญา ม.148 , เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือ ยอมจะรับ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ตาม ป.อาญา ม.149 และ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา ม.157” สำหรับการดำเนินการทางวินัย ในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งได้ทำงานควบคู่กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและคาดว่าจะสามารถรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ภายในอาทิตย์หน้า หากพบว่ามีมูล ก็จะมีคำสั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและหากมีความผิดชัดแจ้งก็จะดำเนินการพิจารณาลงโทษทางวินัย หรือ มีคำสั่งให้ออกจากราชการ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยทาง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ในส่วนของคดีอาญา และ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในส่วนของการดำเนินการทางวินัย ได้มีการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานไปแล้วหลายปาก ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้เร่งคลี่คลายข้อสงสัย ในทุกประเด็น ด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชน