สองสามีภรรยาเจ้าของร้านขายของมือสองใน อ.เมือง จ.ราชบุรี ลมแทบจับ หลังเจ้าหน้าที่นำบิลชำระค่าไฟฟ้ามาให้พบว่า มียอดการใช้ไฟสูงกว่า 1 แสนบาท ขณะที่ทุกเดือนเคยเสียค่าไฟแค่หมื่นกว่าบาท
เมื่อเวลา 10.30 น. ( 23 พ.ค. 63 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณร้านขายของมือ 2 ตั้งอยู่บริเวณริมถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 2 ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี ตรงข้ามห้ามสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่มีชาวบ้านมาเลือกซื้อสินค้าทั้งของใหม่ และของเก่ามือ 2 ราคาถูกมีมากมายหลากหลายชนิด ทั้งเครื่องครัว อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า และของใช้ที่จำเป็น ภายในร้านติดไฟส่องสว่างแบบเป็นหลอดประหยัดไฟไว้ตามจุดต่าง ๆ
ขณะที่นางวิรยา แสนอุบล อายุ 44 ปี เป็นเจ้าของร้านดังกล่าว พร้อมสามี ที่อยู่ระหว่างกำลังคิดเงินให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนสินค้าในร้านอยู่ เป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่นำบิลค่าใช้ไฟฟ้าประจำเดือนมาให้ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอว่างจากงานแล้วได้นำบิลค่าไฟมาตรวจสอบดูอย่างละเอียด ถึงกับลมแทบจับ เนื่องจากยอดบิลการใช้ไฟฟ้าประจำเดือนพฤษภาคมมียอดเงินจำนวน 134,734.58 บาท และยังมีรายละเอียดแจ้งว่า ได้รับส่วนลด 3 เปอร์เซ็นต์ ตามนโยบายรัฐบาลที่ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ประชาชนช่วงการระบาดของไวรัสโควิด -19 เป็นเวลา 3 เดือน จำนวน 4,042.04 บาท มียอดที่คงชำระจำนวนรวมทั้งสิ้น 130,692.54 บาท ทำให้นางวิรยา เจ้าของร้านได้นำเครื่องคิดเลขมาคิดคำนวณอย่างละเอียดในแต่ละเดือนที่ผ่านมา พบว่ามีบิลใช้ไฟที่เพิ่มมากเกินถึงกว่าแสนบาท ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งที่ตัวเองก็ยังคงใช้ไฟเหมือนเดิมห่างกันแต่ละเดือนช่วงที่ผ่านมาไม่มากนักหากเปรียบเทียบดูในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายน
นางวิรยา แสนอุบล เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่เคยจ่ายค่าไฟนั้นตั้งแต่เลิกใช้ไฟห้องกลางมานั้นจะมีค่าไฟสูงสุดอยู่ที่ประมาณกว่า 20,000 บาท แต่พอมาเดือนนี้รู้สึกตกใจมาก ช่วงที่สามีบอกให้จ่ายค่าไฟบอกจะต้องจ่ายเป็นแสนบาท ตอนแรกที่ว่าสามีพูดเล่น ๆ พอลูกค้ามาซื้อของก็ยังนำบิลนี้ให้ดูเขาบอกว่าให้ลองดูเลขเดือนเก่าเทียบกับเดือนใหม่ มาดูในบิลของเดือนกุมภาพันธ์พบว่ามียอดการใช้ไฟฟ้าจำนวน 18,060 บาท ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรหากมีการเรียกเก็บเงินตามบิล เพราะที่ร้านใช้ไฟมาแบบนี้ทุกเดือนเท่าเดิม ไม่ได้ต่อเชื่อมอุปกรณ์เสริมด้วย ขณะทุกเดือนยังมีการเชื่อมอุปกรณ์เหล็กบางอย่างบ้าง ก็จะเสียเงินประมาณ 19,000 บาท แต่หากเป็นที่บ้านไม่รู้สึกตกใจเพราะเปิดแอร์เสียค่าไฟขึ้น 5,000 ก็ไม่รู้สึกตกใจอะไร แต่มาที่ร้านนี้มีค่าไฟขึ้นมาเกือบ 10 เท่า 130,000 บาทเศษ คิดว่าจะเอาบิลไปให้ทางสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคช่วยตรวจสอบให้ก่อนว่าทางผู้รับเหมามาจดเลขผิดหรือไม่ ให้ลองตรวจสอบอย่างละเอียดให้ด้วย ค่าไฟมาแค่เดือนเดียวแต่คิดเงินเป็นแสนบาท ได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 1 แสน 1 หมื่นกว่าบาท ถ้าหักยอดเก่าออกที่เราเคยจ่าย ก็จะเพิ่มขึ้น 1 แสน 1 หมื่นกว่าบาท ขายของแบบนี้เราจะจ่ายไหวมั๊ย ลูกค้าแทบจะไม่มีเดินซื้อของกันเลย เศรษฐกิจแบบนี้พวกเราตายอย่างเดียว มีความรู้สึกจะเป็นลมต้องงดจ่ายหนี้หลายอย่างเพื่อเอามาจ่ายหนี้ค่าไฟอย่างเดียว
โดยเจ้าของร้านดูบิลเดือนมีนาคม มียอดเงินค่าไฟจำนวน 19,324.45 บาท เดือนกุมภาพันธ์ มียอดเงินเสียค่าไฟจำนวน 18,060 บาท แต่พอมาเดือนนี้พฤษภาคมค่าไฟฟ้าพุ่งกว่า 1 แสนบาท จึงอยากให้หน่วยงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบดำเนินการช่วยตรวจสอบบิลค่าไฟฟ้าแพงเกินเหตุเพื่อความถูกต้องให้กับทางร้านโดยเร็วด้วย เนื่องจากในบิลค่าไฟได้แจ้งระยะเวลากำหนดชำระเงินภายในวันที่ 2 มิถุนายนที่จะถึงนี้
ขณะที่นางวิรยา แสนอุบล อายุ 44 ปี เป็นเจ้าของร้านดังกล่าว พร้อมสามี ที่อยู่ระหว่างกำลังคิดเงินให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนสินค้าในร้านอยู่ เป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่นำบิลค่าใช้ไฟฟ้าประจำเดือนมาให้ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอว่างจากงานแล้วได้นำบิลค่าไฟมาตรวจสอบดูอย่างละเอียด ถึงกับลมแทบจับ เนื่องจากยอดบิลการใช้ไฟฟ้าประจำเดือนพฤษภาคมมียอดเงินจำนวน 134,734.58 บาท และยังมีรายละเอียดแจ้งว่า ได้รับส่วนลด 3 เปอร์เซ็นต์ ตามนโยบายรัฐบาลที่ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ประชาชนช่วงการระบาดของไวรัสโควิด -19 เป็นเวลา 3 เดือน จำนวน 4,042.04 บาท มียอดที่คงชำระจำนวนรวมทั้งสิ้น 130,692.54 บาท ทำให้นางวิรยา เจ้าของร้านได้นำเครื่องคิดเลขมาคิดคำนวณอย่างละเอียดในแต่ละเดือนที่ผ่านมา พบว่ามีบิลใช้ไฟที่เพิ่มมากเกินถึงกว่าแสนบาท ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ทั้งที่ตัวเองก็ยังคงใช้ไฟเหมือนเดิมห่างกันแต่ละเดือนช่วงที่ผ่านมาไม่มากนักหากเปรียบเทียบดูในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายน
นางวิรยา แสนอุบล เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่เคยจ่ายค่าไฟนั้นตั้งแต่เลิกใช้ไฟห้องกลางมานั้นจะมีค่าไฟสูงสุดอยู่ที่ประมาณกว่า 20,000 บาท แต่พอมาเดือนนี้รู้สึกตกใจมาก ช่วงที่สามีบอกให้จ่ายค่าไฟบอกจะต้องจ่ายเป็นแสนบาท ตอนแรกที่ว่าสามีพูดเล่น ๆ พอลูกค้ามาซื้อของก็ยังนำบิลนี้ให้ดูเขาบอกว่าให้ลองดูเลขเดือนเก่าเทียบกับเดือนใหม่ มาดูในบิลของเดือนกุมภาพันธ์พบว่ามียอดการใช้ไฟฟ้าจำนวน 18,060 บาท ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรหากมีการเรียกเก็บเงินตามบิล เพราะที่ร้านใช้ไฟมาแบบนี้ทุกเดือนเท่าเดิม ไม่ได้ต่อเชื่อมอุปกรณ์เสริมด้วย ขณะทุกเดือนยังมีการเชื่อมอุปกรณ์เหล็กบางอย่างบ้าง ก็จะเสียเงินประมาณ 19,000 บาท แต่หากเป็นที่บ้านไม่รู้สึกตกใจเพราะเปิดแอร์เสียค่าไฟขึ้น 5,000 ก็ไม่รู้สึกตกใจอะไร แต่มาที่ร้านนี้มีค่าไฟขึ้นมาเกือบ 10 เท่า 130,000 บาทเศษ คิดว่าจะเอาบิลไปให้ทางสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคช่วยตรวจสอบให้ก่อนว่าทางผู้รับเหมามาจดเลขผิดหรือไม่ ให้ลองตรวจสอบอย่างละเอียดให้ด้วย ค่าไฟมาแค่เดือนเดียวแต่คิดเงินเป็นแสนบาท ได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 1 แสน 1 หมื่นกว่าบาท ถ้าหักยอดเก่าออกที่เราเคยจ่าย ก็จะเพิ่มขึ้น 1 แสน 1 หมื่นกว่าบาท ขายของแบบนี้เราจะจ่ายไหวมั๊ย ลูกค้าแทบจะไม่มีเดินซื้อของกันเลย เศรษฐกิจแบบนี้พวกเราตายอย่างเดียว มีความรู้สึกจะเป็นลมต้องงดจ่ายหนี้หลายอย่างเพื่อเอามาจ่ายหนี้ค่าไฟอย่างเดียว
โดยเจ้าของร้านดูบิลเดือนมีนาคม มียอดเงินค่าไฟจำนวน 19,324.45 บาท เดือนกุมภาพันธ์ มียอดเงินเสียค่าไฟจำนวน 18,060 บาท แต่พอมาเดือนนี้พฤษภาคมค่าไฟฟ้าพุ่งกว่า 1 แสนบาท จึงอยากให้หน่วยงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบดำเนินการช่วยตรวจสอบบิลค่าไฟฟ้าแพงเกินเหตุเพื่อความถูกต้องให้กับทางร้านโดยเร็วด้วย เนื่องจากในบิลค่าไฟได้แจ้งระยะเวลากำหนดชำระเงินภายในวันที่ 2 มิถุนายนที่จะถึงนี้