นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า เชื่อว่าหลังจากนี้แนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดจะดีขึ้นเรื่อยๆ หลังพบผู้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์ แต่ย้ำว่าต้องการ์ดไม่ตกโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะต้องรอลุ้นหลังจากนี้ที่จะครบ 14 วันหลังจากมีมาตรการคลายล็อกระยะที่ 2 แต่ตนมั่นใจว่าถ้าประชาชนคนไทยทุกคนร่วมมือกันกับรัฐบาลเป็นอย่างดีด้วยการไม่ประมาท ออกจากบ้านก็ยังสวมใส่หน้ากากอนามัย อย่างพร้อมเพียงกัน และต้องขอความกรุณาประชาชนทุกคนหากเจอแหล่งชุมนุมหรือการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก เช่น ในห้างสรรพสินค้า ที่รัฐบาลไม่สามารถห้ามคนไปห้างสรรพสินค้าหรือห้ามทําอะไรต่างๆ ได้ แต่ต้องการให้ทุกคนมีอิสระอย่างเต็มที่ จึงขอความร่วมมือหากไปในที่ที่มีคนจำนวนมากก็ต้องมีการเว้นระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยลดการแพร่เชื้อได้อย่างมากและทำให้มีความปลอดภัยขึ้นหลายเท่า นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในที่ประชุมศบค.ก็ได้มีการรายงานการพัฒนาวัคซีนของไทยให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ซึ่งนายกฯ ก็ได้ให้การสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มที่ โดยในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการ วัคซีนแห่งชาติ ก็ได้วางนโยบายอย่างชัดเจน ให้สถาบันวัคซีนฯ ไปหาความร่วมมือและไปลงทุนในเรื่องการค้นคว้าวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งให้สถาบันวัคซีนฯ ไปทำการเชิงรุกหาวิธีผลิตวัคซีนให้ได้ ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีโอกาส เพราะเรามีความพร้อมในเรื่องของทุน วิชาการและนักวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ เมื่อถามว่าจะมีข่าวดีเรื่องวัคซีนในเร็วๆ นี้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราทุ่มเทขนาดนี้แล้วก็ต้องหวังว่าจะได้ข่าวดี แต่สิ่งที่เป็นข่าวดีมาจนถึงทุกวันนี้ในเรื่องโควิดเกิดมาจากความทุ่มเทอย่างเต็มที่ และการทำงานอย่างหนักของบุคลากรทางการแพทย์และความร่วมมือของประชาชน หาก 3 ปัจจัยหลักนี้ยังคงความเข้มข้นอยู่ ประเทศไทยเราก็จะปลอดภัย พร้อมการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการที่นายกฯ มาเป็นประธานศบค. เอง ประกอบกับความร่วมมือของประชาชนและความทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ถ้าจับมือกันต่อสู้โควิดไม่มีแพ้อย่างแน่นอน นอกจากนี้อยากให้ทุกคนรีบไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์กันด้วยในช่วงนี้