นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด อดีตแกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ สมบัติ บุญงามอนงค์ ระบุว่า... อะไรคือความผิดพลาดของคนเสื้อแดงในปี 2553 . ผมพูดตรงๆ ผมคิดว่าคนเสื้อแดงไม่เข้าใจเรื่องผลกระทบของการปิดราชประสงค์ คุณไปปิดตั้งแต่เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน มาบุญครอง เกษรพลาซ่า สี่ห้างนี้เป็นห้างที่คนในกรุงเทพฯ มีประสบการณ์ร่วม มีภาพจำ เพราะทุกปีเขาก็เคาต์ดาวน์กันที่เซ็นทรัลเวิลด์ คนพวกนี้ไม่ว่าจะมีแฟนคนแรกหรือแฟนคนที่เท่าไหร่ก็แล้วแต่ เขาก็จะพาไปแถวๆ นี้แหละ . แต่การชุมนุมของคนเสื้อแดงเข้าไปใช้ที่ของคนกรุงเทพฯ ผมเรียกเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนกรุงเทพฯ เหมือนกับเป็นพื้นที่ทางจิตวิญญาณ (หัวเราะ) เป็นศาสนสถานแบบหนึ่งในโลกทุนนิยมที่ผู้คนจะไปใช้สถานที่นี้ประกอบพิธีกรรมทางการบริโภค . ลองคิดดู คุณเอาผ้าขาวม้าไปพาดหน้าพารากอน ซักกางเกงเสร็จแล้วเอาไปตากอยู่ตรงราวเหล็ก คนที่เดินพารากอนบ่อยๆ มาเห็นภาพนี้จะกรี๊ดไหม ในมุมของคนกรุงเทพฯ มันเหมือนถูกเหยียด ไม่เคารพต่อคุณค่าในระบบบริโภคนิยมของเขา . มากกว่านั้นยังตั้งส้วมกันหน้าห้างฯ ชีวิตคุณจะได้เจอภาพแบบนี้เหรอถ้าไม่มีคนเสื้อแดง มันเป็นสถานที่ถูกสร้างเป็นแลนด์มาร์กของกิจกรรมด้านบริโภคนิยม พอคนเสื้อแดงเข้าไปยึดเลยทำให้คนกรุงเทพฯ โกรธมาก แล้วพอมีไฟไหม้เซ็นทรัลเวิลด์ ไหม้โรงหนังสยาม มันใจหายสำหรับพวกเขา . ผมพูดแบบนี้เหมือนอีเดียดนะ แต่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คู่ต่อสู้ของคนเสื้อแดงไม่ได้มีแค่รัฐในเวลานั้น รัฐสามารถสร้างแนวร่วมและนำไปสู่การออกใบอนุญาตฆ่าได้ . จริงๆ แล้ว ศอฉ.ในเวลานั้นสามารถที่จะสลายการชุมนุมได้ตั้งแต่ต้นแล้ว กำลังทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว แต่ขาดอย่างเดียวก็คือความชอบธรรม รัฐรอจนมีใบอนุญาตออกมา เวลานั้นพระบางรูปก็พูดว่าฆ่าเวลาบาปกว่าฆ่าคน วาทกรรมแบบนี้สามารถเป็นตัวแทนความรู้สึกนึกคิดของคนไม่น้อยในกรุงเทพฯ ที่สนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงในเวลานั้น เพราะถ้ารัฐบาลไม่ได้รับใบอนุญาตก่อน กระแสทางการเมืองจะย้อนกลับและควบคุมไม่ได้ ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร การชุมนุมประท้วงในอนาคตจะเป็นแบบไหน อ่านทัศนะจากสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่.....