กรมควบคุมโรคเผยสอบเพิ่มชายไทยรายแรก พบมีการป้องกันตัวใส่หน้ากากตลอด ขณะร้านตัดผมพบช่วงที่ไปไม่มีลูกค้า มีแต่พนักงาน ซึ่งต่างใส่หน้ากาก ความเสี่ยงจึงต่ำ พรุ่งนี้รู้ผลตรวจหาเชื้อคนในบ้าน ทั้งยังต้องสอบต่อถึงที่มา ด้านชายชาวเยอรมัน พบไปกลับกทม.-ชัยภูมิด้วยรถส่วนตัว อีกทั้งที่ชัยภูมิมีป่วยหลายรายก่อนหน้า โอกาสเสี่ยงจึงมี รวมทั้งพฤติกรรมส่วนตัวไม่ค่อยได้ใส่หน้ากาก ยังต้องสอบสวนเพิ่ม นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 2 รายล่าสุดในประเทศไทยว่า กรณีชายไทย อายุ 72 ปี พบไปรพ.หลายแห่งรักษาหลายโรค เบาหวาน มะเร็ง คีโม 18 พ.ค. ได้ไปรับยาที่รพ.เอกชนที่รักษาประจำ ไปตัดผมร้านหนึ่ง ต่อมามีไข้ ไอเสมหะ เข้ารับการตรวจที่รพ.พบว่าเป็นโควิด ซึ่งการสอบสวนพบเพิ่มเติมคือ ผู้ป่วยรายนี้ได้ระมัดระวังป้องกันตนเองดี เพราะด้วยโรคที่ป่วยก่อนหน้าทำให้มีภูมิคุ้มกันไม่ดี จึงมีการใส่หน้ากากผ้าตลอดเวลา ขณะที่ ทีมสอบสวนโรคกทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปตรวจสอบที่ร้านตัดผมดังกล่าวแล้ว พบว่าช่วงนั้นไม่มีลูกค้า แต่มีพนักงานบริการหลายคน ซึ่งระบุตัวได้ว่าขณะนั้นใครอยู่บ้าง ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงแต่มีความเสี่ยงต่ำ รวมทั้งใส่หน้ากากด้วยกันทั้งสองฝ่าย จึงลดความเสี่ยง ขณะที่ผู้ป่วยรายนี้เมื่อได้รับการวินิจฉัย เข้ารักษาตัวที่รพ. บุคลากรการแพทย์มีการป้องกัน จึงมีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวซึ่งมี 2-3 คน อยู่ระหว่างรอผลตรวจหาเชื้อ ซึ่งผลจะออกมาในวันที่ 23 พ.ค.นี้ แต่ยังไม่มีใครป่วย ทั้งนี้ ทีมสอบสวนโรคได้เริ่มต้นสอบแล้วว่า มีความเสี่ยงอะไรบ้าง ส่วนที่มาของเชื้อนั้น เนื่องด้วยมีประวัติไปโรงพยาบาล กำลังตรวจเพิ่มเติม รวมทั้งมีกิจกรรมใดที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยรายนี้ ส่วนอีกรายชายชาวเยอรมันอายุ 42 ปี มาเมืองไทยปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปเยี่ยมบ้านภรรยาที่ต่างจังหวัด ไม่พบมีอาการ กลับมากทม.ด้วยรถส่วนตัว ต่อมาได้ไปสมัครงานต้องมีการตรวจร่างกายจึงได้พบเชื้อ ขณะที่ตรวจภรรยาไม่พบเชื้อ ความเสี่ยงของคนอื่นที่อยู่ห่างไกล ถือว่าจะมีความเสี่ยงต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนโรคที่ชัยภูมิและกทม.กำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน ทั้งสถานที่ที่ไปหลายที่กำลังตรวจติดตาม ซึ่งกรณีที่ชัยภูมิมีผู้ป่วยโควิด 3 ราย มีโอกาสติดเชื้อหลงเหลือในพื้นที่ได้ กำลังเฝ้าระวังเชิงรุกค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม และตรวจเพิ่มเติม ส่วนพฤติกรรมสุขภาพส่วนบุคคล พบว่ามีการใช้หน้ากากบ้างแต่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งต้องไปดูรายละเอียดต่อไป