วันที่ 20 พ.ค.ที่ ป.ป.ส.นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ไทยและประเทศสมาชิกยังคงมีปฏิบัติการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับการประสานงานจากสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติดประเทศเมียนมา (CCDAC) ว่ามีการตรวจยึดเคมีภัณฑ์รวมกว่า 41.5 ตัน เป็นสาร Ammonium Nitrate จำนวน 15 ตัน และสาร Ethyl Acetic จำนวน 26.5 ตัน นอกจากนี้ยังยึดฝิ่นดิบได้อีกกว่า 1 ตัน เป็นการลิดรอนความสามารถการผลิตยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีนไม่ให้ออกมาสู่ภายนอกได้เป็นจำนวนมาก นายนิยม กล่าวอีกว่า ผลการปฏิบัติงานของทางการเมียนมา มาจากการสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์บนเส้นทางลำเลียงที่สำคัญภายในประเทศ ซึ่งสาร Ethyl Acetic จำนวน 26.5 ตัน หากนำไปเข้าสู่กระบวนการผลิตยาบ้าจะได้มากถึง 1,500 ล้านเม็ด หรือไอซ์ประมาณ 45 ตัน ฝิ่นดิบ 1 ตัน นำไปผลิตเป็นเฮโรอีนบริสุทธิ์ประมาณ 100 กิโลกรัม ส่วนสาร Ammonium Nitrate แม้ยังไม่พบว่านำไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด แต่ก็เป็นเคมีภัณฑ์ควบคุมที่ทางการเมียนมาให้ความสำคัญในงานด้านความมั่นคงทั้งหมดได้สะท้อนให้เห็นการให้ความสำคัญของประเทศเพื่อนบ้านในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 และปฏิบัติการอย่างเข้มงวดต่อเนื่องและจริงจังตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาจนเห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้แผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ทั้ง 6 ประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึงปัจจุบัน มีผลการจับกุมปราบปรามทั้งสิ้น 4,930 ครั้ง ยึดยาบ้ามากกว่า 238.6 ล้านเม็ด ไอซ์เกือบ 7 ตัน เฮโรอีน 1.2 ตัน สารตั้งต้น 8.3 ตัน กาเฟอีน 7.2 ตัน และเคมีภัณฑ์อื่นๆ อีกมากกว่า 218.5 ตัน โดยเฉพาะในเมียนมาตรวจยึดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ได้มากที่สุดรวมกัน 190 ตัน นายนิยม กล่าวอีกว่า แผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 หรือ Operation 1511 เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้ความสำคัญต่อการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อยุติปัญหาแหล่งผลิตยาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ผลักดันการยกระดับมาตรการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันของ 6 ประเทศ นำไปสู่การกำหนดแผนปฏิบัติการดังกล่าว โดยผลการสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์จำนวนมาก ในตลอด 5 เดือนที่ผ่านมานั้นถือเป็นการหยุดยั้งยาเสพติดจำนวนมหาศาลก่อนจะถูกส่งเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศต่าง ๆ เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญในการตัดวงจรยาเสพติด และเป็นตัวแปรที่สำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาคนี้พี่น้องประชาชนให้ความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลได้ดำเนินการทุกวิถีทางภายใต้กรอบของกฎหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้บรรเทาเบาบางลง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ หากพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386ตลอด 24 ชั่วโมง