ในขณะที่นักเดินทางเริ่มปรับตัวให้เข้ากับการเดินทางในรูปแบบใหม่ (New normal) และโรงแรมต่างเตรียมพร้อมที่จะต้อนรับการกลับมาของผู้เข้าพัก ทาง อวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ได้เปิดตัวมาตรการใหม่ด้านอนามัยและความปลอดภัย ภายใต้ชื่อ อวานี ชิลด์ (AvaniSHIELD) ที่จะถูกปรับใช้กับโรงแรมในเครือ 33 แห่ง ใน 18 ประเทศ ซึ่งได้ยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของทั้งแขกผู้ใช้บริการและพนักงาน ซึ่ง นายฮาเวียร์ พาร์โด รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ อวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า การนำมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยใหม่มาใช้ เป็นการยกระดับการป้องกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการโรงแรม อวานี และพนักงาน และเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยควบคู่กับการรักษาคุณภาพการบริการ โดยหนึ่งในมาตรการ คือ การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ อาทิ การเช็คอิน เช็คเอาท์และบริการคอนเซียช (concierge) ในรูปแบบดิจิตอล การเคลือบพื้นผิวที่ได้รับการสัมผัสบ่อยๆ ด้วยทองแดง เครื่องค่าเชื้อด้วยรังสียูวีซี และเครื่องฟอกอากาศมาตรฐาน HEPA ตามแนวทางที่ได้ประกาศจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และองค์การอนามัยโลก (WHO) นอกเหนือจากมาตรการดังกล่าว ยังพิจารณาถึงโครงการอื่นๆ ในการช่วยรักษาสิ่งสภาพแวดล้อม และสภาพเนื่องจากโลกในปัจจุบันถูกคุกคามจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ โครงการลดจำนวนขยะให้เป็นศูนย์ และมาตรการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แอพพลิเคชั่น คอนเซียช ทั้งนี้มาตรการ AvaniSHIELD จะเริ่มต้นด้วยการบริการในรูปแบบที่ลดการสัมผัส ทั้งการทักทายแบบไม่สัมผัสร่างกาย เพื่อลดการสัมผัส และสร้างความคุ้นชินในการเว้นระยะทางสังคม โดยพนักงานของ อวานี จะมีการทักทายในรูปแบบเฉพาะตามประเพณีของแต่ละประเทศ การเช็คอินและเช็คเอาท์ ผ่านระบบออนไลน์ก่อนเดินทางมาถึง – ระหว่างการเดินทางไปยังโรงแรม ผู้เข้าพักสามารถทำการลงทะเบียนผ่านทางระบบออนไลน์ และจะได้รับกุญแจห้องพักจากแผนกต้อนรับเมื่อถึงโรงแรม สำหรับการเช็คเอาท์ ผู้เข้าพักสามารถชำระค่าใช้จ่ายผ่านระบบชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย และได้รับใบเสร็จผ่านทางอีเมล ซึ่งทั้งปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีแอพพลิเคชั่น คอนเซียช ที่จะนำมาเป็น ไลฟ์ แชท ให้บริการในเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นช่องทองการติดต่อระหว่างพนักงานผู้ให้บริการข้อมูลกับผู้เข้าพัก และยังสามารถใช้แอพพลิเคชั่นนี้ในการดูเมนูอาหาร สั่งอาหารเพื่อรับประทานในห้องพัก รวมถึงการจองกิจกรรมนอกสถานที่ ขณะที่ในส่วนของเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยนั้นจะมีการเคลือบพื้นผิวด้วยวัสดุทองแดง สำหรับพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย อาทิ มือจับประตู และปุ่มลิฟต์ จะถูกเคลือบปิดด้วยฟิล์มทองแดงที่ช่วยต่อต้านจุลินทรีย์ (ซึ่งทองแดงถูกใช้เป็นสารฆ่าเชื้อมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ) โดยการวิจัยชี้ให้เห็นว่าไวรัส SARS-CoV2 สามารถอยู่รอดได้ในระยะเวลาสั้นที่สุดบนทองแดงเมื่อเทียบกับวัสดุอื่น รวมทั้งมีการฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซี (UVC) โดยในแผนกต้อนรับจะใช้กล่องฆ่าเชื้อ UVC ในการฆ่าเชื้อโรคบนคีย์การ์ดห้องพัก เครื่องเขียน และวัตถุอื่นๆ ที่ถูกสัมผัสบ่อย แขกผู้เข้าพักสามารถใช้บริการฆ่าเชื้อมือถือส่วนตัวได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ทีมพนักงานดูแลรักษาความสะอาดยังได้เริ่มทดสอบการทำความสะอาดด้วยแสง UVC เพิ่มเติมหลังจากการทำความสะอาดตามปกติ ซึ่งวิธีนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ 99.99% และบางโรงแรมในเครือจะเพิ่มเครื่องระบบฟอกอากาศมาตรฐาน HEPA ในห้องพักและกระบวนการการทำความสะอาดห้องออกกำลังกาย ที่จะช่วยกำจัดไวรัส แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศขนาด 0.01 ไมครอน (10 นาโนเมตร) ได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 99.99% และมีการกำหนดและปฏิบัติตามขั้นตอนการฆ่าเชื้อที่อาจติดมาบนกระเป๋าเดินทาง สัมภาระ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนำเข้ามาในโรงแรมทุกแห่ง  ห้องพักจะถูกปิดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังทำความสะอาด ทั้งนี้ นายฮาเวียร์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางอวานี ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Ecolab และยังคงดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์และมาตรการทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานของ Ecolab และองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมทั้งการทำความสะอาดด้วยเคมีตามมาตรฐานของสำนักงาน EPA เพื่อเป็นการป้องกันเพิ่มเติม โดยหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทางโรงแรม อวานี ทุกแห่งจะปฏิบัติตามความมาตรการดังต่อไปนี้ จะมีการแต่งตั้งพนักงาน AvaniSHIELD ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลการรักษาความสะอาดให้เป็นไปตามขั้นตอนใหม่ ให้เป็นไปตามแนวทางการดำเนินงานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยล่าสุด เพื่อสื่อสารไปยังทีมงานในเวลาที่เหมาะสม รวมถึงทำหน้าที่เฝ้าสังเกตสุขภาพโดยทั่วไปของพนักงาน และดำเนินการฝึกอบรมเรื่องกฎระเบียบด้านสุขภาพและความปลอดภัยตามข้อกำหนดใหม่นี้ อย่าง ห้องพักแต่ละห้องจะถูกปิดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังทำความสะอาด โดยไม่อนุญาตให้ทีมแม่บ้านหรือบุคคลใดๆ เข้าไปภายในห้องพัก โดยมาตรการปิดห้องพักนี้ จะเป็นข้อบังคับที่โรงแรมต้องปฏิบัติก่อนที่จะเปิดห้องพักให้แขกเข้าใช้บริการ ส่วนคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจทั้งหมด ไม่ว่าเก่าหรือใหม่ อาทิ บริษัททัวร์ และผู้ให้บริการรถรับส่ง จะต้องปฏิบัติตามมาตรการการรักษาสุขอนามัยและความปลอดภัยใหม่นี้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับโรงแรมในประเทศไทย การดำเนินการจะเป็นไปตามแนวทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐหลายภาคส่วนในการกำหนดแนวทางความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) มาตรการ AvaniSHIELD ด้านร้านอาหารจะถูกแทนที่ด้วยอาหารที่ปรุงสดใหม่ทุกจาน เน้นวัตถุดิบสดใหม่ ความปลอดภัย และแนวคิดในการลดขยะให้เหลือศูนย์ โดยทีมพนักงานกำลังฝึกอบรมการเตรียมอาหารในยุคหลังโควิด-19 นอกจากนี้ ร้านอาหารของโรงแรมยังจะจัดผังโต๊ะอาหารแบบทิ้งระยะห่าง พร้อมเก็บข้อมูลการติดต่อของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพื่อเพื่อใช้หากมีความจำเป็นต้องติดตาม พร้อมทำเมนูอาหารแบบดิจิทัล ที่สามารถสแกน QR โค๊ดผ่านสมาร์ทโฟนของแขกผู้รับบริการ สำหรับ ฟิตเนส AvaniFit จะปฏิบัติตามกฎการเว้นระยะห่าง โดยกำหนดจำนวนผู้ใช้บริการและระยะเวลาในการใช้บริการอย่างเหมาะสม และมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคและกำหนดช่วงเวลาพักหลังจากการให้บริการห้องออกกำลังกายแต่ละครั้ง นอกจากนี้ อวานี ยังมองหาอุปกรณ์ รวมถึงวิดีโอสอนออกกำลัง เพื่อให้ผู้เข้าพักสามารถการออกกำลังกายในห้องพักได้อีกด้วย พร้อมกันนี้ทาง อวานี ได้กกฎข้อบังคับสำหรับทีมพนักงานทั้งในเรื่อง การใช้หน้ากากอนามัย ระยะเวลาความถี่ในการวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมถึงกระบวนการฆ่าเชื้อโรคสำหรับพนักงานที่เดินทางมาทำงานด้วยมาตรการที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งในโอกาสที่พนักงานทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัย อวานี จึงเปิดโอกาสให้แต่ละโรงแรมได้ดีไซน์หรือตกแต่งหน้ากากในคอนเซ็ปต์ Smile through The Heart เพื่อเป็นการสร้างความผ่อนคลายด้วยรอยยิ้มจากใจของพนักงานทุกคน