“ซีพีแอล” เตรียมนำสินค้าเซฟตี้ โปรดักส์ แบรนด์ “แพงโกลิน” เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ เน้นกลุ่มดูแลสุขภาพ-โรงพยาบาล และกลุ่มประชาชนทั่วไป จากที่เคยทำตลาดเฉพาะลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม มั่นใจมีโอกาสขยายตัวสูง หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยใหม่ ส่งผลประชาชนมีความต้องการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลในชีวิตประจำวันมากขึ้น เผย 3 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายสินค้าเซฟตี้ โปรดักส์ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.6% พร้อมเดินหน้าฝ่าวิกฤติโควิด รักษาเป้าหมายยอดขายทรงตัวจากปีที่ผ่านมา นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (เซฟตี้โปรดักส์) ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ทำให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงการใช้ชีวิตวิถีใหม่หรือนิว นอร์มอล(New Normal) โดยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของสินค้าป้องกันและคุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลหรือ PPE (Personal Protective Equipment)ในการมองหาฐานลูกค้าใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ทั้งนี้ที่ผ่านมา สินค้าเซฟตี้ โปรดักส์ แบรนด์ “แพงโกลิน” จะเน้นจับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและกลุ่มก่อสร้าง ซึ่งเป็นสองอุตสาหกรรมที่คำนึงเรื่องความปลอดภัยสูงสุด แต่หลังจากเกิดวิกฤติโควิด-19 ทำให้บริษัทมองเห็นลูกค้ากลุ่มใหม่ที่สามารถจะเข้าไปทำตลาดได้อย่างน้อย 2 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ บริการทางด้านแพทย์หรือโรงพยาบาล และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการใช้สินค้าเซฟตี้ โปรดักส์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มนี้จะเป็นความท้าทายใหม่ของซีพีแอล ที่มีประสบการณ์เป็นผู้นำในธุรกิจ PPE มายาวนานกว่า 35 ปี "ซีพีแอลได้เตรียมความพร้อมขยายธุรกิจสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งโรงพยาบาลและประชาชนทั่วไป เริ่มที่การพัฒนาทักษะของทีมงาน โดยใช้แนวคิด De-Skill ลดทักษะที่ไม่ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์, Re-Skill เรียนรู้ทักษะใหม่ และ Up-Skill ผสมทักษะใหม่กับเก่า เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการวางแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการ การให้ข้อมูลกับกลุ่มลูกค้าเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้น พร้อมๆกับเสริมความเข้มแข็งของช่องทางการขายต่างๆ ทั้งโชว์รูมที่มีอยู่ 18 สาขา รวมถึงช่องทางโมเดิร์น เทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องทางขายผ่านออนไลน์ที่จะเสริมทีมพนักงานขายและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อทำให้เราเข้าถึงลูกค้าและลูกค้าเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้น และสามารถตอบสนองกันได้อย่างรวดเร็ว" สำหรับยอดขายสินค้ากลุ่มเซฟตี้ โปรดักส์ ในช่วง 3 เดือนของปีนี้ อยู่ที่ 205 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 9 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 4.6% โดยสินค้าที่เป็นไฮไลท์เป็นกลุ่มสินค้าป้องกันโควิด-19 ในกลุ่ม PPE ที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 15.7% ประกอบด้วย หน้ากากแพงโก แคร์ (Pango Care) เพิ่มขึ้น 30% ชุดป้องกันอัลติเทค (Ultitec) เติบโต 350% แว่นตานิรภัย Pango Vision เติบโต 20% และหน้ากากซันด์สตรอม (Sundstrom) เติบโต 60% ขณะที่สินค้ารองเท้านิรภัยมียอดขายอยู่ที่ 139 ล้านบาททรงตัวจากไตรมาสแรกของปี 2562 โดยในปีนี้ คาดว่ายอดขายจะมีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีแอล กรุ๊ป กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้เชื่อว่าการแข่งขันจะสูงขึ้น โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการรายใหม่ที่เห็นโอกาสจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันได้ จากจุดเด่นของสินค้าแบรนด์ “แพงโกลิน” ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่บริษัทผลิตเอง หรือส่วนที่นำเข้ามาจำหน่ายที่จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างเข้มข้นตามมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้งาน นอกจากนี้บริษัทยังมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานคอยให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ พร้อมตอบทุกคำถามโดยทีมงานที่รู้จริงและมีประสบการณ์ด้าน PPE โดยเฉพาะ ซึ่งเชื่อมั่นว่า ด้วยคุณภาพสินค้า ชื่อเสียงของแบรนด์ และประสบการณ์ของทีมงานจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจและพอใจในสินค้าและบริการของแพงโกลินอย่างแน่นอน