รายงาน: ศูนย์ศึกษาฯอ่าวคุ้งกระเบนฯ ช่วยประชาชนมีกินแบบยั่งยืน ช่วงวิกฤติโควิด-19 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี นายประจวบ ลีรักษาเกียรติ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมาศูนย์ฯ ได้นำข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยที่ต่ำกว่าเส้นความยากจนในพื้นที่ตำบลคลองขุด จากองค์การบริหารส่วนตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งพบว่ามีผู้มีรายได้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวจำนวน 20 คน จึงส่งเจ้าหน้าที่งานวิชาการการเกษตรของศูนย์เข้าไปดำเนินการส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้แก่ราษฎรทั้ง 20 คน เพื่อให้มีความรู้และเข้าใจในการประกอบอาชีพตามสภาพและพื้นฐานที่พึงมี ที่สำคัญเพื่อเป็นการให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเฉพาะด้านการดำรงชีพ จึงจัดทำโครงการฝึกอาชีพระยะสั้นขึ้น ซึ่งมีทั้งการพัฒนาอาชีพทางด้านการเกษตร เช่นการเพาะเห็ดเศรษฐกิจ ปลูกพืชผักสวนครัว ตลอดจนการแปรรูปน้ำหม่อน การทำชูชิ เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกอบรมที่นานกว่า เพราะมีความซับซ้อน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการผลิตให้ประชาชนก้าวสู่ระดับมืออาชีพ ผอ.ศูนย์ฯ กล่าวอีกว่า ตอนนี้จะเน้นด้านการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นก่อน เพราะสามารถเห็นผลและทำเงินได้เร็ว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่ประชาชนกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ คือเรื่องของเศรษฐกิจครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างที่ตำบลคลองขุด ได้ถ่ายทอดความรู้ในการทำการเพาะปลูกประเภทพืชผักสวนครัว การเพาะเห็ดจากวัสดุเหลือใช้ การเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการยังชีพ และเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อนำไข่มาบริโภคภายในครัวเรือน เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องอาหารในครัวเรือนก่อน โดยส่งเสริมสนับสนุนให้เพาะเห็ดประกอบด้วย เห็ดฮังการี่ เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า ให้กับผู้มีรายได้น้อยจำนวน 6 คนที่สมัครใจ เพื่อให้มีเห็ดบริโภคในครัวเรือน หากเหลือค่อยจำหน่ายแก่ผู้คนในชุมชน และนำรายได้ส่วนนี้มาเป็นใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ที่ครอบครัวต้องการ ซึ่งจากการดำเนินโครงการฯ ในครั้งนี้สามารถนำข้อมูลจากความพึงพอใจและความต้องการของราษฎรมาวางแผนงาน เพื่อดำเนินการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตตามความเหมาะสมให้ได้ครบทั้ง 20 คนในโอกาสต่อไป “ทั้งนี้ทางศูนย์ได้ดำเนินการมา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน มาถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว ยังนำออกขายหลังจากบริโภคในครัวเรือนเพียงพอแล้ว เป็นรายได้เสริมที่ดีทีเดียว ปัจจุบันทั้ง 6 รายนี้สามารถเก็บผลผลิตได้ 46 กิโลกรัม มีรายได้จากการขายเห็ดถึง 2,200 บาท ขณะที่การเก็บเห็ดก็ยังสามารถเก็บได้ทุกวันอย่างต่อเนื่องประมาณ 5 เดือน ก้อนเห็ดจะหมดอายุ และเห็ดที่เข้าไปส่งเสริมให้เพาะเลี้ยงนั้นจะเป็นเห็ดฮังการี่ เห็นนางรม เห็ดนางฟ้า ส่วนนี้จะเพาะได้ค่อนข้างง่าย ต่อไปจะต่อยอดด้วยการส่งเสริมให้เพาะเห็ดโคนญี่ปุ่น เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการดีและขายได้ราคา” นายประจวบ ผอ.ศูนย์ฯ กล่าว นอกจากหลักสูตรที่เปิดฝึกอบรมแล้ว ทางศูนย์ฯ ยังเตรียมกล้าไม้จำพวกพืชผักสวนครัวเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดือดร้อน เช่นกล้าหม่อน 5,000 กล้า ผักคิ่ว หรือวอเตอร์เครส เพื่อนำไปปลูกสำหรับบริโภคภายในครัวเรือนเป็นการเริ่มต้น เหลือค่อยนำออกจำหน่ายต่อไป ซึ่งมีกล้าพืชผักสวนครัวหลายชนิด เช่น แคขาว แคแดง มะเขือเปาะ เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีประเภทไม้ยืนต้นกึ่งล้มลุก เช่นกระถิน รวมถึงประเภทล้มลุกเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วต้องปลูกใหม่เช่นผักบุ้งก็มีเตรียมไว้แจกจ่ายเช่นกัน ส่วนทางด้านการประมงนั้น ทางศูนย์ได้เตรียมพันธุ์สัตว์น้ำไว้ให้เกษตรกร ประกอบด้วยปลากะพงขาว และกุ้งกุลาดำ เพื่อให้นำไปปล่อยในบ่อที่เกษตรกรมีอยู่แล้วและให้หากินตามธรรมชาติ ซึ่งเกษตรกรจะเลี้ยงประมาณ 4 เดือน ก็สามารถจับขึ้นมาบริโภคและขายได้ โดยเกษตรกรและประชาชนที่สนใจสามารถเข้ามาเรียนรู้ถึงวิธีการเพาะเลี้ยงจากเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ หลังจากฝึกอบรมแล้วจะมอบปัจจัยการผลิตเหล่านี้ให้แก่เกษตรกรโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น