"ศบค." เคาะมาตรการผ่อนปรนระยะ 2 เปิดห้าง  เว้นโรงหนัง-คาราโอเกะ สถานเสริมความงามเฉพาะเรือนร่าง  ด้านโรงยิม เล่นไม่เกิน 3 คน “แบดฯ-โยคะ” ขณะที่กองถ่ายไม่เกิน 50 คน ลดเคอร์ฟิว  5 ทุ่มถึงตี 4 เริ่ม 17 พ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ในที่ประชุม พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานถึงมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2 ซึ่งในวันเดียวกันนี้มีมติผ่อนปรนในกลุ่มสีเขียว คือ กิจการ/กิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในหลายพื้นที่ และการแพร่เชื้อในสถานที่อยู่ในเขตปานกลาง และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอยู่ในเกณฑ์สูง ดังนั้นกิจการ/กิจกรรมที่จะเลือกมา จะต้องใช้เกณฑ์นี้ ได้แก่ การผ่อนปรนให้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ในอาคารสำนักงาน โรงอาหาร หรือศูนย์อาหารภายในหน่วยงาน โดยเปิดให้ซื้อและนำกลับไปบริโภคที่อื่น หรือหากให้บริการในสถานที่นั้นต้องจัดระเบียบการเข้าใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันโรคและยังห้าม การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ในส่วนของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ กำหนดให้มีเวลาปิด 20.00 น. ทั้งนี้ ร้านค้า ในห้างฯที่สามารถเปิดได้ อาทิ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องครัวที่จำเป็น ร้านเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง อุปกรณ์กีฬา ร้านทอง เครื่องประดับ ร้านซักอบรีด ร้านประดับยนต์ ร้านล้างรถยนต์ ธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บริษัทประกันภัย ประกันชีวิต คลินิกเวชกรรม  สถานทันตกรรม ร้านเสริมสวยแต่งผม ตัดผม สำหรับสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษ อนุญาตเฉพาะตัด สระ ซอยแต่งผม  ร้านทำเล็บ ร้านอาหาร ภัตตาคาร ฟู้ดคอร์ทและศูนย์อาหาร ในห้างฯ  
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับโรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง  ลานโบว์ลิ่ง ลานสเก็ต คาราโอเกะ  สวนน้ำ สวนสนุก สวนสัตว์ พื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ตู้เกมส์  สถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส ศูนย์ประชุม ห้องประชุมฮอลล์ โรงเรียนกวดวิชา สนามพระเครื่อง ศูนย์พระเครื่อง นวดแผนไทย  และสปา ยังไม่อนุญาตให้เปิดบริการ  นอกจากนั้น ในส่วนของร้านค้าปลีก และค้าส่งขนาดใหญ่ สามารถเปิดให้บริการได้ เช่น ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง  ร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ รวมถึงตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ เช่น ตลาดสี่มุมเมือง และตลาดไทโดยต้องดำเนินมาตรการดูแล ควบคุมทางเข้า-ออก วัดอุณหภูมิ รวมถึงเว้นระยะห่างเป็นต้น  
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนกิจกรรมด้านการออกกำลังกาย หรือการดูแลสุขภาพ อนุญาตให้เปิดคลินิกเวชกรรมเสริมความงามเฉพาะเรือนร่างผิวพรรณและเลเซอร์ ยกเว้นการเสริมความงามบริเวณใบหน้า สถานควบคุมน้ำหนัก ร้านสัก ร้านเจาะผิวหนัง สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อาบ อบ นวด อบไอน้ำ อบตัว ออนเซน และอบสมุนไพร ยังไม่อนุญาตเปิดบริการ เนื่องจากยังมีความเสี่ยงอยู่
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนของโรงยิม สถานที่ออกกำลังกายในร่ม  สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส อนุญาตเฉพาะกีฬาตามกติกาสากลที่ไม่มีลักษณะการปะทะกัน อาจเล่นเป็นทีมไม่เกินทีมละ 3 คน ไม่มีผู้ชมการแข่งขัน ได้แก่ แบดมินตัน เซปัคตะกร้อ  เทเบิลเทนนิส โยคะ สควอซ ฟันดาบ ยิมนาสติก ปีนผา ส่วนสนามมวย โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ สวนน้ำบึงธรรมชาติ กีฬาทางน้ำ เช่น เซริ์ฟบอร์ด เจตสกี  บานาโบ๊ต ไม่เปิดให้บริการ เป็นต้น ขณะที่สถานที่ออกกำลังกายในส่วนของฟิตเนส  เปิดให้บริการเฉพาะส่วน ฟรีเวท โดยไม่มีการออกกำลังกายแบบรวมกลุ่มและห้ามใช้เครื่องลู่วิ่ง จักรยานปั่น  เครื่อง Elliptical หรือเครื่องออกกำลังกายอื่นๆ  ขณะที่สระว่ายน้ำสาธารณะทั้งกลางแจ้งและในร่ม ให้จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการตามเลนการว่าย  โดยอาจมีอุปกรณ์ขึงกันเลน โดยความกว้างของเลนต้องไม่น้อยกว่า 7 ฟุต และจำกัดเวลาให้บริการไม่เกิน 1 ชั่วโมง  ส่วนสนามมวย โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ สวนน้ำบึงธรรมชาติ กีฬาทางน้ำ เช่น เซริ์ฟบอร์ด เจตสกี  บานาโบ๊ต เป็นต้น 
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ในขณะที่ห้องประชุมในโรงแรม และศูนย์ประชุมเปิดให้บริการเฉพาะการจัดประชุมขององค์กรหรือหน่วยงาน โดยจำกัดผู้เข้าร่วมประชุม ยกเว้นการจัดอบรม สัมมนา จัดแสดงสินค้า นิทรรศการ จัดงานเลี้ยง อีเว้นท์ในโรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์การแสดงสินค้า และสถานที่จัดนิทรรศการนอกจากนั้น ในส่วนของห้องสมุดสาธารณะ แกลอรี่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อนุญาตให้เปิดบริการได้  ทั้งนี้ กิจกรรมถ่ายภาพยนตร์และวีดีทัศน์อนุญาตให้มีทีมงานหน้าฉากรวมทุกแผนกไม่เกิน 50 คน  
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า  สำหรับมาตรการการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ยังคงเดิมทั้งการเดินทางเข้าประเทศ และยังไม่มีการเปิดสนามบินให้เครื่องลง ยกเว้นเฉพาะการขนส่งและกิจกรรมอื่นที่จำเป็น รวมถึงมาตรการเคอร์ฟิวที่ประชุมมีมติให้ปรับเวลาจาก 22.00 น. - 04.00 น. เป็นเวลา 23.00 น. - 04.00 น. และมาตรการงดหรือชะลอการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด ซึ่งจะมีประกาศออกมาคาดว่าภายในวันเดียวกันนี้  ทั้งนี้ มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ตามที่ประชุมมีมตินั้นจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.นี้