จากมีกระแสข่าวว่าการบินไทยอาจจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนยื่นศาลขอล้มละลายและเข้าสู่ขบวนการฟื้นฟูนั้นล่าสุด นายพิทยา ทิพยโสตถิ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด เปิดเผยว่า มีภาวะการถอนเงินที่ผิดปกติ โดยมีสมาชิกเข้ามาถอนเงินเพิ่มมากขึ้นจากปกติเฉลี่ยวันละ 40-50ล้าน เป็นเฉลี่ยวันละ 60-80 ล้านบาท ซึ่งหากการบินไทยเข้าสู่ขบวนการล้มละลายจะต้องมีการร้องขอฟื้นฟูกิจการตามขั้นตอนของกฎหมายซึ่งจะมีเงื่อนเวลา ไม่ใช่ทันที รวมทั้ง สหกรณ์จะกลายเป็นเจ้าหนี้ซึ่งตามกฎหมายจะได้รับสิทธิ์ในการชำระหนี้คืนก่อนเป็นลำดับแรกดังนั้นจึงไม่มีความกังวลอะไรอีกทั้ง เพราะได้มีการนำเงินบางส่วนไปลงทุนในหุ้นของบมจ.การบินไทยประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตามขณะนี้สหกรณ์ได้จ่ายคืนเงินสมาชิกไปแล้วไม่ต่ำกว่า 8,423 ล้านบาท และณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ สหกรณ์ ออมทรัพย์การบินไทยมี ทุนดำเนินการทั้งสิ้น 58,000ล้าน มีสัดส่วนการลงทุน โดยแบ่งเป็นให้สมาชิกกู้ 27,000 ล้าน 46% ให้สหกรณ์อื่นกู้ 12,900ล้าน 23% ลงทุนภายนอก 10,400ล้าน 18% และเงินฝากธนาคาร7,700ล้าน 13% นายสรยุทธ หอมสุคนธ์ รองประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทย กล่าวว่า งได้ออกประกาศสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทยจำกัดที่ 39 / 2563 เรื่องสภาพคล่องและความมั่นคงของสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานบริษัทการบินไทยจำกัด ระบุว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ข่าวสารของบริษัทการบินไทยเป็นที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และประชาชนจำนวนมากจนส่งผลถึงเสถียรภาพด้านสภาพคล่องของสหกรณ์ในขณะที่สหกรณ์ฯมีการดำรงสภาพคล่องอยู่ในปัจจุบันจำนวนประมาณ 4000 ล้านบาท แต่จากการตื่นตระหนกต่อข่าวสารของบริษัทซึ่งเป็นคนละหน่วยงานโดยสิ้นเชิงสหกรณ์อาจส่งผลให้สหกรณ์ฯมีปัญหาด้านสภาพคล่องขึ้นได้ ดังนั้นสหกรณ์จะอาศัยอำนาจตามข้อบังคับข้อที่ 57 และมติกรรมการการดำเนินงานชุดที่ 45 ครั้งที่ 5 / 2563 นัดพิเศษวันที่ 24 มีนาคม 2563 ครั้งที่7 / 2563 ต่อเนื่องวันที่1เมษายน 2563 และประกาศสหกรณ์ที่ 21 / 2563 เรื่องมาตรการให้บริการในช่วงการระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 จึงขอเรียนให้สมาชิกทราบดังต่อไปนี้ 1.สมาชิกซึ่งมีความต้องการถอนเงินฝากจำนวนมากกว่าครั้งละ 300,000 บาท หรือ เดือนละ 300,000 บาทโดยไม่มีเหตุผลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลความเจ็บป่วยใดๆ ของตนหรือบุคคลในครอบครัวหรือเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรหลานหรือความจำเป็นอย่างอื่นใดโดยไม่มีเอกสารประกอบ จะไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ โดยอาศัยมติคณะกรรมการดำเนินการดังกล่าวจนกว่าสถานการณ์ของบริษัทจะมีความแน่นอน 2. ขอให้สมาชิกทั้งหมดของสหกรณ์ฯมีความเชื่อมั่นในความมั่นคงของสหกรณ์ในฐานะเจ้าหนี้ของบริษัทการบินไทยซึ่งบริษัทไม่เคยผิดนัดการชำระหนี้ 3. สหกรณ์ฯยังสามารถทำกำไรในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาได้มากกว่า 460 ล้านบาทแม้ว่าสถานการณ์ของบริษัทจะมีปัญหา เนื่องจากสหกรณ์และบริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อกันนอกจากในฐานะสหกรณ์ฯเป็นเจ้าหนี้และบริษัทการบินไทยเป็นลูกหนี้ ทั้งนี้การดูแลวงเงินเบิกถอนและสภาพคล่องของสหกรณ์ฯก็เพื่อเป็นการดูแลและรักษาสิทธิ์ประโยชน์ของสมาชิกโดยส่วนรวมเป็นประการสำคัญ ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.เป็นต้นไป