"ศบค."แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 1 ราย เป็นชายชาวเชียงใหม่ ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม รับพอใจตัวเลข ยอดผู้ป่วยหลักเดียว เล็งผ่อนปรนระยะที่ 2 ย้ำต้องดูแลกันเหมือนเดิม เหตุสถานการณ์โลกยังไม่น่าไว้วางใจ "ฮู" ชี้โลกยังเผชิญโควิดฯ อีกยาวกว่าจะคุมได้ พร้อมแนะให้เรียนรู้การใช้ชีวิตกับโรคร้าย ส่วนเมืองผู้ดีสุดสลดพนักงานเก็บค่าโดยสารรถไฟเสียชีวิต หลังถูกผู้โดยสารติดเชื้อถ่มน้ำลายใส่ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 พ.ค.63นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงว่า ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขณะนี้ 3,018 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดเสียชีวิตสะสม 56 ราย หาย ป่วยกลับบ้านได้เพิ่มอีก 6 ราย รวมยอดหายป่วยสะสม 2,850 รายและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 112 รายโดยผู้ติด เชื้อรายใหม่ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 39 ปี เป็นชาวเชียงใหม่ แต่มีอาชีพรับจ้าง ทำงานอยู่ที่ จ.ภูเก็ต "แม้ตัวเลขหลักเดียว การดูแลสุขภาพการ์ดต้องไม่ตก จำเป็นต้องดูแลกันเหมือนเดิม เพราะสถานการณ์ของโลกยังไม่น่าไว้วางใจ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าพอใจที่จะไปสู่มาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2" ด้าน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายไมเคิล เจ.ไรอัน ผอ.สำนักบริหารโครงการสุขภาพฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ(ฮู) แถลงว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19จะอยู่ภายใต้การควบคุม แม้บางประเทศ จะหวนกลับมาถูกเชื้อแพร่ระบาดอีกครั้งเพียงเล็กน้อย แต่ก็สร้างปัญหาใหญ่ด้านสาธารณสุขและจะวนเวียนอยู่ภายในชุมชนของมนุษย์ตลอดไป ไม่หายไปไหน ส่วนสถาบันโรคเบาหวาน โรคทางเดินอาหาร และโรคไต แห่งชาติสหรัฐฯ หรือเอ็นไอดีดีเค เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยในวารสารพีเอ็นเอเอส เมื่อกลางสัปดาห์นี้ว่า ละอองน้ำลายขนาดเล็กจากการพูดของมนุษย์เรา สามารถคงอยู่ในอากาศในสภาพพื้นที่ปิดได้เป็นระยะเวลานานถึง 12 นาที ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บทบาทของน้ำลาย สามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อโรค รวมถึงเชื้อไวรัสอย่างโควิด-19 แก่ผู้คนในสภาพพื้นที่ดังกล่าวได้ ขณะที่ สถานการณ์การแพร่ระบาดในอังกฤษ ล่าสุดพบว่า นางเบลลี มูจิงกา พนักงานเก็บค่าโดยสารรถไฟประจำสถานีรถไฟวิกตอเรีย กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อายุ 47 ปี ได้เสียชีวิตแล้ว จากการล้มป่วยเพราะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น หลังถูกผู้โดยสารรายหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าติดเชื้อไวรัสได้ไอและถ่มน้ำลายใส่ เมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วน สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยด้ลุกลามไปแล้ว 213 ประเทศ ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 4,429,969 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 298,180 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 1,659,873 รายโดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 1,430,348 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 85,197 ราย