"ศบค."ห่วงผ่อนปรนระยะ2ทำไวรัสโควิด-19ระบาดซ้ำรอบ2ยกเคส "เกาหลีใต้" เตือนสติ! เผย5 ปัจ จัยเสี่ยงทำยอดติดเชื้อพุ่ง ด้าน"นายกฯ" ปัดสั่งทำโพลถามปชช.ยกเลิก"พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"หรือไม่ แจงสื่อจัดทำกันเอง พบ"ปชช."เห็นด้วยต่อเวลา 88 % ย้ำยึดมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ลั่นรับไม่ได้คนเห็นแก่ตัวรุมทึ้งของ "ตู้แบ่งปัน" โยนฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบ "มือยิงเลเซอร์-ตามหาความจริง" ลั่นไม่เหมาะสมนำหลายเรื่องมาพัวพันในเวลานี้ ตำรวจจ่อฟันผิด "ยุยงปลุกปั่น-พ.ร.บ.คอมพ์" พร้อมขยายผลคนชักใย ขณะที่ครม.เห็นชอบ4ธันวาฯ "วันรู้รักสามัคคี" ของทุกปี แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 พ.ค.63นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ ปัจจัยที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ 1.พบในศูนย์กักกัน และผู้ต้องกัก 2.ค้นหาเชิงรุก 3.สัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า 4. กลับจากต่างประเทศ เข้าสถานกักกันและ 5.ไปสถานที่ชุมชน โดยปัจจัยเหล่านี้แม้จะพบน้อยเป็นอันดับ 5 เราก็ต้องระวัง เพราะจะขยายผ่อนปรนระยะ 2 อย่างไรก็ตามแม้ตัวเลขจะเป็นหลักเดียวก็เพิ่มขึ้นได้ เช่น กรณีเกาหลีใต้ แค่คนเดียวที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านอิแทวอน ก็ทำให้การระบาดรอบ 2 เพิ่มขึ้นถึง 94 ราย "ทางเกาหลีใต้ระบุว่า ผู้ป่วย 24 ราย จาก 34 ราย ที่เพิ่มขึ้นวันที่ 10 พ.ค.เป็นยอดที่พบใหม่และเกี่ยวข้องกับคลับในอิแทวอน โดย 18 คน เป็นผู้ไปเที่ยวคลับ อีก 6 คน คือติดต่อกับคนเที่ยวคลับ และมีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นอีก 11 ราย แต่ทั้งหมดตอนนี้รวมเป็น 94 ราย นี่คือตัวอย่างของต่างประเทศมีมาตรการผ่อนปรนไป มีตัวเลขกลับมาเป็นซ้ำ จึงอยากให้พี่น้องรับทราบ เราไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่เจอกับเรื่องอย่างนี้ มีประเทศให้เราเรียนรู้มากมาย แล้วแต่เราว่าจะเลือกเดินไปอย่างไร เชื่อว่าคงไม่อยากเห็นตัวเลขกลับมาติดแบบสองหลัก การเลือกเปิดกิจการกิจกรรมกับการเลือกเรื่องการติดเชื้อก็ต้องสมดุลทั้งสองอย่าง ไม่มีการ์ดตก จะมีการติดเชื้อตามมา" นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การที่จะทำมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา ไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชนต้องได้รับความร่วมมือ จากประชาชน แต่ถ้าไม่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ ผลอาจจะออกมาในทางตรงข้ามกัน เพราะฉะนั้นขอทุกคนให้ความร่วมมือ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงกรณีมีประชาชนบางกลุ่มรุมหยิบของใน "ตู้แบ่งปัน" ว่า ขอชื่นชมภาคเอกชนที่มีความร่วมมือในการดูแลประ ชาชนโดยเฉพาะในเรื่องของการจัดตู้แบ่งปัน แต่ผู้ที่รับของเหล่านี้ก็ต้องสร้างจิตสำนึก เขาให้สำหรับเฉลี่ย แบ่งปันให้คนอื่น แต่ภาพที่ออกมานั้นตนรับไม่ได้ ก็ขออย่าให้เกิดขึ้นอีกในสังคมไทยต่อไป ต้องเห็นใจคนอื่นด้วย เพราะถ้าท่านทำแบบนั้น ต่อไปก็จะไม่มีคนไปบริจาค และคนอื่นก็จะไม่ได้ไปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการจัดทำโพลสำรวจความคิดเห็นเรื่องการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า เป็นการพิจารณาของศูนย์ ศบค.โดยคำนึงถึงมาตร การด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ดังนั้นไม่ว่าจะมีใครจัดทำโพลอะไรมาก็แล้วแต่ก็เป็นเรื่องของแต่ละโพล แต่เท่าที่ตนทราบเห็นว่ามีบางสื่อไปจัดทำเวลานี้ และพบว่ามีผู้เห็นชอบให้ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปถึง 88 เปอร์เซ็นต์ และไม่เห็นชอบ 12 เปอร์เซ็น ซึ่งยืนยันว่า เป็นการจัดทำกันเองของสื่อตนไม่ได้เกี่ยวข้อง "ผมไม่ได้สั่งให้ใครไปทำเลย อาจจะมีความเข้าใจผิดอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูในส่วนของมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งผมเคยให้ความสำคัญไปแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ติดเชื้อที่ลดลง น้อยลง จนกระทั่งเหลือศูนย์ เปอร์เซ็นต์ก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ ดังนั้นต้องดูถึงความร่วมมือในการไม่ทำให้ตัวเลขติดเชื้อมากขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งถ้าอยู่ในเกณฑ์รับได้ก็จะเดินหน้าไปสู่ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ในการปลดล็อคหรือหามาตรการผ่อนคลาย ผมเห็นใจพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยและกิจกรรมที่มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงโดยเราดูทั้งหมดในห่วงโซ่ ถ้าเราไม่ร่วมมือกันตรงนี้ก็จะเดินไปถึงตรงนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่เรามีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวและการบริการก็จะดร็อปลงไปอีก ศักยภาพและรายได้ของประเทศเราก็จะมีปัญหา" ขณะที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ก่อนหน้านี้เพจ "ลุงตู่ตูน" เพจที่สนับสนุนรัฐบาล และนายกฯ ได้เผยแพร่ข้อความรวมทั้งรูปแบบโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อดูผล กระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชน รวมถึงขอความคิดเห็นว่า เห็นควรให้คงพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือยกเลิก เพื่อเป็น แนวทางให้ ศบค.ตัดสินใจนั้น ล่าสุด "เพจลุงตู่ตูน" ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า"ขอชี้แจงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะ พิจารณาข้อมูลจากสาธารณสุขเป็นหลัก #ลุงตู่ #ลุงตู่ตูน #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ" วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐา นะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค เข้าพบ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง โดย นายอุตตม เปิดเผยภายหลังการหารือว่า เป็นการมาหารือเรื่องงาน ส่วนปัญหาในพรรคได้พูดและให้ข่าวไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเพิ่มเติมไม่ขอพูดอะไรเรื่องนี้อีกแล้ว เช่นเดียวกับ นายสนธิรัตน์ ที่ระบุ ปัญหาในพรรคคุยกันหมดแล้วให้ไปถามหัวหน้าพรรค ด้าน นายสมคิด กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม นัดเคลียร์ปัญหารอยร้าวในพรรค โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และตนเองอยู่ด้วยว่า ไม่ได้คุยอะไร เมื่อถามว่า ตกลงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่มีใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่รู้ๆ ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีคณะก้าวหน้าโพสต์เฟซบุ๊กระบุคนฉายแสงส่องหาความจริงคือประชาชน ภายหลังมีการยิงเลเซอร์ข้อความ # ตามหาความจริง ในสถานที่เชิงสัญลักษณ์ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง ปี 53 เช่น ที่วัดปทุมวนาราม สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อนุสาวรีย์ชัย และกระทรวงกลา โหม จะมีความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ว่า เจ้าหน้าที่กำลังดูอยู่ เมื่อถามว่า เป็นลักษณะการแสดงเชิงสัญลักษณ์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ เมื่อถามว่า มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการกระทำของคณะก้าวหน้าหรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ยังไม่รู้ กำลังดูอยู่ ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเดียวกันว่า ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เคยได้ยิน เมื่อถามว่า การยิงเลเซอร์เป็นการกระทำที่ผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนไม่ตอบเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องตรวจสอบและไปพิจารณาว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ในการกระทำการเช่นนั้นในช่วงเวลานี้ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในการนำหลายๆเรื่องมาพัวพันในวันนี้ รวมถึงพัวพันเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19ที่รัฐบาลกำลังแก้อย่างเร่งด่วน เพราะมีประชาชนเดือดร้อน ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวพร้อมสั่งการให้ศูนย์สืบสวน บช.น.เป็นแม่งานในการรวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใด ล่าสุด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใด โดยตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีเรียกบุคคลใดเข้ามาให้ปากคำ ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยให้ฝ่ายกฏหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดว่าเข้าข่ายความผิดใด ไม่ว่าจะเป็นพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยเฉพาะการยุยงปลุกปั่น ก็เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ตอนนี้ยังไม่มีการเรียกมาสอบปากคำแต่อย่างใด และกำลังดูว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังใช้เรื่องนี้มารณรงค์ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารในลักษณะเพื่อหวังผลอะไรหรือไม่ ซึ่งไม่อยากให้ประชาชนตัดสินหรือเชื่อเพียงเพราะว่าเห็นภาพที่ปรากฏเท่านั้น ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่ ยังไม่อยากโฟกัส เพราะทุกภาคส่วนกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีที่มีกรรมการบริหารพรรค รวมถึงส.ส. พรรคก้าวไกล จำนวนหนึ่งมีการเคลื่อนไหวกิจกรรมภายใต้ #ตามหาความจริง ที่เป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับการชุมนุมเดือนพ.ค.53 ในสื่อโซเชียลมีเดียและทางทวิตเตอร์ ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ควรออกมาชี้แจงว่า พรรคก้าวไกลยินยอมให้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช และคณะก้าวหน้า ควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมทางการเมืองดังกล่าวหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่เป็นการกระทำของกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. พรรคก้าวไกลทั้งสิ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยมีโทษถูกยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ส่วน นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้วันที่ ?4 ธ.ค.ของทุกปีเป็น "วันรู้รักสามัคคี" ซึ่งเป็นวันสำคัญของชาติ แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ตระหนักถึงคุณค่า ความสำคัญและนำไปสู่การปฏิบัติด้วยความสามัคคี รู้จักหน้าที่และส่งเสริมกันให้เกิดความเจริญแก่ประเทศชาติ