พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เต็มคณะผ่านเพจไทยคู่ฟ้าว่า ขออนุญาติถอดหน้ากาก ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องมีการระมัดระวัง วันนี้ถือเป็นวันแรกที่มีการพบปะกันทั้งครม. ได้ประชุมกันในสถานที่ ซึ่งมีการจัดระยะห่างไว้เรียบร้อยแล้ว เหมือนกับโรงเรียนเปิดเทอมได้เจอหน้ากันพร้อมเพรียงในวันนี้ บรรยากาศเป็นที่หน้ายินดี ทุกคนยังแข็งแรงกันอยู่ ในการที่จะฟันฝ่าอุปสรรคของประเทศ ของประชาชนไปให้ได้ด้วยความร่วมมือกันของครม.และพรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจนแรงสนับสนุนความร่วมมือจากส่วนอื่นๆ ภายนอก ทั้งภาคเอกชน ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตามพูดหรือเสนออะไรออกมาตนก็รับฟังนำมาพิจารณาในการบริหารราชการของตนเสมอมา ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนด้วย ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีเหตุการณ์ยิงแสงเลเซอร์ตามสถานที่เชิงสัญลักษณ์ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 53 บริเวณวัดปทุมวนาราม และกระทรวงกลาโหม นายกฯ กล่าวว่า วันนี้สื่อมวลชนถามมาหลายคำถาม ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานการณ์เรื่องความมั่นคง ตนคงไม่ตอบในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ซึ่งต้องไปพิจารณาดูว่า มีความผิดอะไรหรือเปล่าในการกระทำแบบนั้นในช่วงเวลานี้ เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม การที่จะนำในหลายๆเรื่องมาพัวพันกับสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อน นายกฯ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 15 พ.ค. ทางคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.จะไปตรวจเยี่ยมในสถานที่ที่จะมีการปลดล็อคระยะที่ 2 ว่าได้มีแผนปฏิบัติการตามมาตรการของรัฐ ของศบค.ได้ครบถ้วนหรือไม่ หรือจะมีมาตรการอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อนำมาเป็นแบบอย่างในการให้สถานประกอบการอื่นนำมาใช้อย่างเท่าเทียมกัน "ผมได้กราบเรียนไปแล้วว่าอะไรก็ตามที่เปิดได้ก็ปิดได้ ผมจำเป็นต้องพูดแบบนี้ ไม่เช่นนั้นทุกคนก็ลืมตัวไปเรื่อย ไม่ร่วมมือ ไม่รักษาระยะห่าง ไม่ใส่หน้ากาก ไม่อะไรพวกนี้ คือไม่ๆทั้งหมด แต่เมื่ออยากได้ ท่านก็ต้องร่วมมือกับผม และศบค.เพราะผมไม่ได้ทำงานคนเดียว ผมทำงานด้วยศูนย์ ด้วยคณะกรรมการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง ทบวง กรม เป็นคณะกรรมการชุดใหญ่ เป็นผลงานร่วมกันของทุกกระทรวง ของรัฐบาล พรรคร่วมในขณะนี้ แต่ก็ยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นส่วนอื่นๆ ด้วยในช่องทางที่เหมาะสม เพราะวันนี้คนไทยจำเป็นต้องร่วมมือแก้ปัญหาโควิด-19 และการฟื้นฟูประเทศของเราหลังจากสถานการณ์นี้ผ่านพ้นไป คงต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน วันนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอย่างอื่นให้เกิดความสับสนอลหม่านวุ่นวายกันอีกเลย ประชาชนต้องตัดสินใจว่าจะสนับสนุนอย่างไรในการทำงาน หรือการที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายอลหม่านในเวลานี้ ท่านต้องตัดสินใจต้องคิดแล้ว ฉะนั้นวันนี้ผมต้องการความรักความสามัคคีของคนทุกคนที่เป็นคนไทยทั้งหมด และส่วนใหญ่ก็ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลไปแล้ว ไม่ได้ทำเพื่อการเมือง ทำให้คนไทยที่เดือดร้อนจากโควิด-19 ใครที่เดือดร้อนน้อย ใครที่ไม่เดือดร้อนก็ขอให้ดูแลคนที่เดือดร้อนด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณภาคธุรกิจทุกภาคส่วน ที่ดูแลลูกจ้างพนักงานมากพอสมควร ในส่วนของรัฐบาลก็จะดูแลให้มากที่สุด แต่จำเป็นต้องใช้ข้อกฎหมายหลายตัว การทำอะไรก็ตามของรัฐบาลจำเป็นต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลักเสมอ จำไว้เราไม่สามารถที่จะใช้หรือทำอะไรต่างๆ ที่นอกตัวบทกฎหมายได้ อันนี้เป็นข้อที่อยากจะกราบเรียนให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนทราบ วันนี้เราต้องการความรักสามัคคี เราจะต้องรอดไปด้วยกัน ด้วยความรักสามัคคี เผื่อแผ่แบ่งปันน้ำใจให้กันและกัน นั่นคือ new normal ของประเทศไทย