แจงทดลองเปิดห้าง'โรงหนัง'ยังปิดยาวคลังเร่งเยียวยา5พัน "คลัง" เผยสัปดาห์หน้าจ่ายเงินเยียวยาเหยื่อ "โควิด-19" ให้ผู้ผ่านเกณฑ์13.4 ล้านคน ครบทุกราย ระบุจ่ายไปแล้วกว่า 11 ล้านคน พร้อมปิดขอทบทวนสิทธิ 17พ.ค.นี้ ด้าน"หมอทวีศิลป์"แจงทดลองเปิดห้าง 14-15 พ.ค. นี้เป็นเพียงความคิด ต้องรอ ศบค.ใหญ่เคาะเผย"โรงหนัง"ยังไม่อยู่ในลิสต์ผ่อนปรนมาตรการระยะ 2 ขอ ปชช.ร่วมมือใช้แอพฯ ติดตามตัว ระบุชุมนุมมั่วสุม "ดื่มสุรา" พุ่ง 69 เปอร์เซ็นต์เหตุตั้งวงก๊งเหล้าที่บ้าน "องอาจ" ชง3 มาตรการคลายล็อกระยะที่ 2 ก่อนเปิดห้าง ส่วน "โพล" เผย ปชช.หนุนรัฐบาล คลายมาตรการ "ล็อกดาวน์"แต่กังวลระบาดซ้ำรอบ 2 ส่วน "เด็กพปชร." เตือนฝ่ายค้านระวังเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ปั่นเฟคนิวส์ถก "พ.ร.ก.เงินกู้" ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 พ.ค.63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงการผ่อนปรนในระยะที่ 2 ที่จะมีการออกประกาศเพิ่มเติมวันที่ 17 พ.ค. ว่า โรงภาพยนตร์ยังไม่อยู่ในการเปิดในระยะที่ 2 แต่ทั้งนี้ต้องผ่านกระบวนการประชุมและเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 15 พ.ค.ซึ่งในการเปิดแต่ละระยะยังไม่ได้กำหนดว่า กิจกรรมไหนจะอยู่ในระยะ 2, 3 และ4 แต่จะจัดเรียงตามความเสี่ยงของการติดโรค ตอนนี้อย่ามองว่ากิจการอะไรอยู่ที่ระยะอะไร ถ้าพร้อมในระยะที่ 2 ก็จะทำให้ทุกอย่างกลับมาโดยเร็ว แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นโรงภาพยนต์อยู่ในระยะ 2 เมื่อถามว่า การทดลองเปิดห้างสรรพสินค้าในวันที่ 14-15 พ.ค.จะทดลองเปิดห้างไหนบ้าง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าต้องขออภัยเป็นความเข้าใจผิด ความจริงเป็นเพียงการคิดรูปแบบเท่านั้น ซึ่งต้องรอมติที่ประชุม ศบค.ใหญ่ ที่จะออกมาในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ก่อนเปิดระยะ 2 และวันนี้ทุกห้างก็เปิดบริการกันอยู่ เพียงแต่เปิด 20 เปอร์เซ็นต์ ในบางกิจการกิจกรรม ในการผ่อนคลายเพิ่มเติม ก็จะขยายมาเปิดเป็น 30-50 เปอร์เซ็นต์ตรงนี้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้ว่าอยากให้เปิดตรงไหนอย่างไร โดยการเข้าไปกรอกแบบสอบถาม ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง "ถ้าจะเข้าสู่มาตรการระยะที่ 2 เราจำเป็นต้องมีแอพพลิเคชั่น เพื่อติดตามตัวผู้ที่อาจติดเชื้อเหมือนที่เกาหลีใต้ซึ่งเจตนาการติดแอพพลิเคชั่นเพื่อตามตัวเมื่อท่านป่วย จะเอามารักษา ไม่มีเจตนาอื่นเลย ทั้งนี้ตนเห็นตู้ปันสุขหลายพื้นที่ ที่มีอาหารแห้ง วางไว้ ให้คนไม่มีมาหยิบ ไม่น่าเชื่อที่จะเกิดในประเทศและมีคนนำมาเติมด้วย ตนรู้สึกตื้นตันใจและอยากนำมาแชร์ ซึ่งเป็นภาพที่น่ารักมากที่เกิดขึ้นในเมืองไทย" นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงมาตรการเคอร์ฟิว ว่า สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของวันที่9 พ.ค. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค. ออกนอกเคหสถานเพิ่มขึ้น 37 รายมีการชุมนุมมั่วสุม 147 ราย เพิ่มขึ้น 89 ราย ซึ่งสาเหตุของการชุมนุมมั่วสุม คือการดื่มสุรา พุ่งพรวดขึ้นมา 69 เปอร์เซ็นต์จึงอยากขอร้องทุกๆ คนถึงแม้ตอนนี้จะเรียกร้องให้มีการเปิดขายแอลกกฮอล์อย่างเสรีแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาต้องอย่าทำผิดกฎหมาย เพราะการผิดกฎหมาย หมายถึงการที่ท่านมีความเสี่ยงทำให้เชื้อเข้ามายังครอบครัวถ้ายังมีการตั้งวงพูดคุยดื่มกินกัน เพราะเวลาดื่มแน่นอนว่าไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยอย่างแน่นอนก็จะทำให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อ "เรามีตัวอย่างมาก่อนแล้ว กรณีมีกลุ่มคนที่ติดเชื้อในผับแถวกรุงเทพฯ ก็เพราะนั่งดื่มกินกันแบบนี้ ทำให้มีการแพร่กระจายเชื้อไปจำนวนมาก เราไม่อยากให้มีภาพนั้นอีก เวลานี้ไม่ได้มี สถานบันเทิงเปิดแล้ว แต่ถ้าไปดื่มกินกันที่บ้านก็ไม่ได้แตกต่างกัน เพราะมีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก" ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงภาพรวมการดำเนินการของ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง(ศปม.)หลังมีการผ่อนคลายให้ดำเนินกิจกรรมบางประเภทว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เก็บรวบรวมสถิติการดำเนินคดีกับผู้กระทำความ ผิดใน 2 ลักษณะคือ การออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาเคอร์ฟิว ระหว่างเวลา22.00-04.00 น. โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีเหตุผลอันสมควร และ การรวมกลุ่มมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ โดยทำการเปรียบเทียบกัน 2 ช่วงเวลาคือ ก่อนที่จะมีการผ่อนคลาย คือระหว่างวันที่ 26 เม.ย.ถึงวันที่ 2 พ.ค.63 และ หลังมีการผ่อนคลาย ระหว่างวันที่3 ถึงวันที่ 9 พ.ค.63 พบว่า หลังจากที่มีการผ่อนคลายการทำกิจกรรม ภาพรวมของการกระทำความผิดมีจำนวนที่สูงขึ้นคือ จากเดิม 4,407คดี เพิ่มเป็น 5,363 คดี สูงขึ้น 957 คดี คิดเป็นร้อยละ 21.69 ส่วน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.ประชาธิปัตย์กล่าวถึงมาตรการคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 2 โดยการทดลองเปิดห้างวันที่ 14-15 พ.ค.นี้ ว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่ ศบค. และรัฐบาลจะทดลองเปิดห้าง โดยทุกฝ่ายควรดำเนินการบนพื้นฐาน 3 ประการคือ 1.การเตรียมความพร้อมของห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้า นอกจากจะมีมาตรการด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เช่นการสวมหน้ากากอนามัยการล้างมือด้วยเจล แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อการเว้นระยะห่างทางสังคม การวัดอุณหภูมิร่างกายทุกทางเข้า-ออกแล้ว ต้องมีระบบการทำความสะอาดสถานที่อย่างจริงจังทุกจุดสัมผัส มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกพื้นที่ ถ้าเป็นไปได้อาจมีการอบโอโซน อบรังสี UV-C ตามพื้นที่ต่างๆเพื่อลดความแออัดในห้าง ควรมีการจำกัดจำนวนคนเข้าห้าง และรักษาระยะห่างของการใช้พื้นที่ตามที่ราชการกำหนดทุกจุด 2.พนักงาน ควรมีการคัดกรองสุขภาพมีข้อมูลสุขภาพพนักงานทุกคน และควรมีแอพพลิเคชั่น หรือ QR-Code ตรวจสอบได้ว่าพนักงานทำงานอยู่พื้นที่ใด และ3. ผู้ใช้บริการ เมื่อเข้าไปใช้บริการในห้างควรปฏิบัติตัวตามข้อกำหนดต่างๆ ที่ทางราชการกำหนดอย่างจริงจัง ถ้าทุกฝ่ายสามารถเตรียมความพร้อมได้อย่างรอบด้าน ครอบคลุมทุกมิติ ก็จะทำให้เชื่อมั่นได้ว่ามาตรการคลายล็อกระยะที่ 2 ก็จะเปิดห้างเดินได้อย่างแน่นอน นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" ว่า ภายในสัปดาห์หน้าทางกระทรวงการคลังจะจ่ายเงินเยียวยาให้กับพี่น้องประชาชนที่ผ่านเกณฑ์จำนวน13.4 ล้านคน ส่วนการพิจารณาทบทวนสิทธิ์จะให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 พ.ค.63 ทั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าทุกสัปดาห์ เพราะต้องการให้เงินเยียวยาถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด ซึ่งถึงขณะนี้ได้มีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้วกว่า 11 ล้านคน "สำหรับการเปิดรับเรื่องร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนกรณีเงินเยียวยา5,000 บาทนั้น จะเปิดไปจนถึงวันที่ 15 พ.ค.นี้ ที่กรมประชาสัมพันธ์เช่นเดิม ซึ่งจะลงไปติดตามช่วยเหลือประชาชนทุกวันตามที่นายอุตตม มอบหมาย ตนเข้าใจหัวอกของพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนซึ่งจากการพูดคุยทราบว่า หากไม่เดือดร้อนคงไม่เดินทางมา ดังนั้น จะพยายามช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคน ขอยืนยันว่า กระทรวงการคลังจะจ่ายเงินเยียวยาให้กับพี่น้องประชาชนที่ผ่านเกณฑ์ทุกคนแน่นอน อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณที่พี่น้องประชาชนทุกคนที่เดินทางมาร้องทุกข์นั้น ปฏิบัติตัวตาม คำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เข้าแถวด้วยความเรียบร้อย นอกจากนั้น ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาช่วยรับเรื่องร้อง ทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง พนักงานธนาคารของรัฐ รวมถึงจากกรมประชาสัมพันธ์ด้วย" ขณะที่ นิด้าโพล จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง "การผ่อนคลายมาตรการ Lock Down" พบว่าร้อยละ 49.56 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วยเพราะผู้ติดเชื้อน้อยลง ประชาชนได้ผ่อนคลายบ้าง ร้อยละ 9.93 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่พ้นวิกฤติและหากมีการกลับมารวมตัวกันของประชาชนมากขึ้น เกรงว่า จะกลับมาแพร่ระบาดรอบ 2 เมื่อถามถึง ความกังวลของประชาชน ว่า จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการการป้องกัน พบว่าร้อยละ 15.33 ระบุ ว่า กังวลมาก เพราะการกลับมาเดินทาง และการรวมตัวของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ละเลยในการเว้นระยะห่างทางสังคม อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดในรอบที่ 2 ร้อยละ 47.58 ระบุ ว่า ค่อนข้างกังวล เพราะคนที่เดินทางข้ามจังหวัดอาจจะไปในพื้นที่เสี่ยง แล้วกลับมาในพื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาดทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 ได้ ด้านสวนดุสิตโพล จากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนกรณีกิจกรรม "ยอดฮิต" ยุคโควิด-19 ระบาด ผ่านระบบออนไลน์ หลังรัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชนในการเว้นระยะห่างทางสังคม งดกิจกรรมการเดินทาง และอยู่บ้านให้มากที่สุด ตามนโยบาย "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" โดยผลสำรวจ พบว่า 15 กิจกรรมที่ประชาชนนิยมทำมากที่สุด คือการเล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไลน์ อินสตาแกรมร้อยละ 84.34 นอนพักผ่อน ร้อยละ 83.11 ทำงานที่บ้าน ร้อยละ 78.04 โดยเฉลี่ยแล้วประชาชนทำงานสำเร็จ ร้อยละ 68.27 วันเดียวกัน นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า หลังมาตรการเข้มงวดของรัฐบาล ทำให้สถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดลงและเตรียมคลายล็อกในระยะที่ 2 ในวันที่17 พ.ค.63 และขอเรียกร้องให้นักการเมืองหันมาทำงานร่วมกัน และเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ ผ่านเวทีสภาฯ ที่กำลังจะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 22 พ.ค.นี้ โดยเฉพาะในวันที่ 27-28 พ.ค. นี้ อาจจะมีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบ พ.ร.ก. 3 ฉบับสำคัญ ตามที่เป็นข่าว เพื่อให้รัฐบาลระดมเงินนำไปเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจจำนวน 1.9 ล้านล้านบาท "ผมขอวิงวอนพี่ๆ เพื่อนๆ ส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบของการแก้ปัญหาโควิดด้วยใจเป็นธรรม พื้นฐานความเป็นจริง ไม่แอบแฝง ตีกิน ใส่สีตีไข่เอามัน สร้างข่าวเท็จ ปลุกปั่นสถานการณ์หวังผลทำลายรัฐบาล เพราะวันนี้ประชาชนรับรู้ข่าวสารว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ทุ่มเททำงานจนแก้ปัญหาได้ดีเยี่ยมขนาดที่ต่างชาติทั่วโลกก็ออกมาชื่นชม ดังนั้นหากเรื่องไหนใครพูดเท็จอภิปรายนอกเหนือจากพื้นฐานความจริงผลร้ายเหล่านั้นก็จะตกแก่ ส.ส.และพรรคการเมืองต้นสังกัดผู้นั้นให้ กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ"