ท่ามกลางวิกฤติของโรคระบาดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือที่เรียกว่า "โควิด-19" (COVID-19) ที่กำลังสร้างปัญหาสะเทือนทั่วโลกในทุกๆ วิกฤติการณ์ สิ่งมักตามมาเสมอก็คือ "ความตระหนก" ซึ่งเกิดจากสาเหตุหลักก็คือ การขาดความรู้ ขาดความเข้าใจในสถานการณ์อย่างเพียงพอ จนไม่สามารถคัดกรองข้อมูลข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากเหตุการณ์ที่ได้กล่าวมานั้น เราต่างตระหนักถึงการเฝ้าระวัง การคัดกรองโรคและการรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะนี้ และตระหนักถึงความจำเป็นในการตรวจหาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้างโดยหัวใจสำคัญที่จะยับยั้งการระบาดได้ก็คือ ประชาชนทุกคนต้องร่วมแรงป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายมากยิ่งขึ้นตามมาตรการของรัฐบาล "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" ลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ มาตรการ Social Distancing การเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย ยามวิกฤติเช่นนี้ ความเข้าใจบริบททางสังคมของประชาชน เป็นเรื่องที่สำคัญการร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยทุกคนในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดเป็นความสำคัญยิ่ง เหนือสิ่งอื่นใดในการต่อสู้กับ COVID-19 ด้วยความที่จังหวัดปทุมธานีเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมต่อเมืองหลวงกับภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ รวมแล้วไม่น้อยกว่า 40 จังหวัด ปทุมธานีจึงเป็นด่านสำคัญในการปิดล็อกการเคลื่อนย้ายคน เมื่อจังหวัดปทุมธานีสั่งล็อกดาวน์คนไทยก็จะต้องนิ่งไปเกินครึ่งประเทศ โรงงานต่าง ๆ ที่มีอยู่กว่า 4,000 โรงงานในจังหวัดปทุมธานี จำนวนไม่น้อยเป็นโรงงานผลิตข้าวสารบรรจุถุง อาหารแปรรูป อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป น้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ยังคงเปิดสายพานการผลิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการควบคุมด้านสุขอนามัยของแรงงานอย่างเข้มงวด ประชาชนคนไทยจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค และยังมีโรงงานเวชภัณฑ์การแพทย์หลายแห่งในจังหวัดปทุมธานี ที่ทุ่มเทกำลังสมองคิดค้นผลิตถัณฑ์เพื่อใช้ในการต่อสู้กับไวรัสตัวนี้และเชื้อโรคอื่น ๆ แบบไม่ยอมหยุดพัก และทยอยนำมาส่งมอบให้จังหวัดเพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชนต่อไป จังหวัดปทุมธานี คือ เมืองตลาดไทยสู่ตลาดโลก เป็นศูนย์รวมสินค้าด้านอาหารทุกชนิด ข้าวสาร เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ พืช ผัก ผลไม้ จากเกษตรกรทั่วประเทศไทยมารวมกันที่นี่ เพื่อส่งผ่านไปถึงมือพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ในความเป็นเมืองเคียงข้างเมืองหลวง อาจทำให้หลายคนนึกไม่ถึงว่าจังหวัด ปทุมธานีนี่แหละ คือ เมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของประเทศไทย พันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง ชื่อ"พันธุ์ปทุมธานี 1" ที่ใช้ในพระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และปลาน้ำจืดที่จังหวัดปทุมธานีส่งเสริม คือ "ปลาดุกบิ๊กอุย" ที่มีเนื้อเยอะ มัน รสชาติอร่อย ส่วนเรื่องผักและผลไม้ เมืองปทุมธานี คือเบอร์ต้น ๆ ของประเทศ และสายพานการผลิตยังเดินต่อไป คนไทยไม่ขาดแคลนแน่นอน ด้วยหน่วยราชการต่างๆและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้มแข็งของจังหวัดปทุมธานี ที่ช่วยกันตั้งแต่แรกที่เกิดวิกฤติไวรัสโควิด- 19 ในการจัดทำหน้ากากอนามัยผ้าออกแจกจ่ายให้ประชาชน การที่ทุกท้องถิ่นร่วมมือกันออกฉีดยาฆ่าเชื้อโรคให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ของจังหวัดปทุมธานี และมีด่านตรวจโควิด-19 จุดสกัดตรวจคัดกรองอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า เราจะสู้และผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน และข่าวดี ที่จะทำให้คนไทยสบายใจได้ในการทำสงครามกับ COVID19 คือ กระทรวงสาธารณสุข จับมือกับจังหวัดปทุมธานี เพื่อผลักดันให้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเป็นโรงพยาบาลศูนย์ในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย COVID19 การพัฒนาแอพพลิเคชั่นไว้สำหรับพูดคุยและติดตามผู้ป่วย และนำหุ่นยนต์ “ยุงทอง” ที่ไอแอพพ์ เทคโนโลยี วิจัยร่วมสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กว่า 6 เดือน ใช้สำหรับวัดไข้ด้วยระบบอัตโนมัติได้โดยใช้คำสั่งภาษาไทย ใช้รีโมตในการสั่งการ ซึ่งหุ่นยนต์สามารถพูดคุยกับคนป่วยได้ เพื่อนำมาใช้ในโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในภาวะวิกฤติโควิด-19 โดยในอนาคตตั้งเป้าพัฒนาให้เชื่อมโยงกับเครื่องตรวจออกซิเจนที่ปลายนิ้วได้ รวมทั้งสามารถวัดความดัน เก็บข้อมูลคนไข้ ส่งให้หมอ โดยที่หมอไม่ต้องซักประวัติผู้ป่วยและโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ยังเป็นต้นแบบของการจัดตั้งโรงพยาบาลในรั้วมหาวิทยาลัย รับมือ COVID-19 โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์มีความพร้อมทั้งระบบการจัดการและโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นระบบไอที การจัดการห้องพัก ตลอดจนการรักษาที่ครอบคลุมทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งหมดคือรูปธรรมในการปรับพื้นที่มหาวิทยาลัยไปเป็นโรงพยาบาลสนามอย่างแท้จริง หลักการสำคัญของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ขนาด 308 เตียง คือการรองรับผู้ป่วยที่เกินกว่าศักยภาพเตียงของโรงพยาบาลรัฐ นี่คืออาวุธที่ปทุมธานีมีไว้ต่อสู้และรับมือกับ COVID-19 สามัคคีที่ปทุม “ต่อไปนี้เราคือเพื่อนร่วมรบ ขาดอะไรธรรมศาสตร์จะหาให้ พวกเราทุกคนจะได้ทำงานแบบมั่นใจ ถ้าพวกคุณหนักใจอะไรก็บอกธรรมศาสตร์ เราพร้อมไปช่วยทันที นึกเสมอว่า ที่ตั้งของธรรมศาสตร์ อยู่ปทุมธานี ไม่มีวันไหนที่เราธรรมศาสตร์ไม่คิดถึงความทุกข์ยากของชาวปทุมฯ เรามาร่วมสู้กันสักตั้ง!” นี่คือคำกล่าวของ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และผู้ริเริ่มโรงพยาบาลสนามฯ ดร.พินิจ บุญเลิศ ผวจ.ปทุมธานี กล่าวว่า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์มิใช่แค่เยียวยาแค่โรคภัย แต่ยังเยียวยาจิตใจของคนไทยทั้งชาติ การนำแก้ปัญหาวิกฤติของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ครั้งนี้จะอยู่ในความสำนึกของคนปทุมธานี ล้านกว่าคน และเป็นแบบอย่างให้คนไทยคิดถึง” “เพื่อนแท้” “ธรรมศาสตร์ ไม่เคยทิ้งเพื่อน” ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ตาม เป้าหมายของเราก็คือมุ่งสร้างสังคมให้ปลอดภัย และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ให้ไวที่สุด แหละนี่คือคำพูดของ 2 แม่ทัพใหญ่ที่จะนำพาปทุมธานีออกสู้รบกับ “โควิด-19” (COVID-19) ปทุมธานีนับเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญของประเทศ ที่จะร่วมสนับสนุนในการแก้ปัญหาและก้าวผ่านวิกฤติเหตุการณ์นี้ไปพร้อมกับคนไทยทุกๆคน