8 กลุ่มเสี่ยงต้องดูแลพิเศษ ร้อนจัดร่างกายระบายไม่ทัน ก่อ 6 อาการตามระดับรุนแรง ทั้งผื่น บวมข้อเท้า ตะคริว เป็นลม เพลียแดด และหนักสุดฮีตสโตรก พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า สภาพอากาศที่ร้อนจัดและอุณหภูมิที่สูงในช่วงหน้าร้อนอาจก่อให้เกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน ผู้ทำงานกลางแจ้ง และผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง ซึ่งต้องได้รับการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เพราะหากร่างกายได้รับความร้อนสูงเกินไปและไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ อาจทำให้เกิด 6 อาการตามระดับความรุนแรง ได้แก่ 1) ผื่นผิวหนัง เกิดจากร่างกายระบายความร้อนโดยการขับเหงื่อมากจนรูขุมขนอักเสบ ทำให้ระคายเคืองที่ผิวหนังและเป็นตุ่มสีแดงหรือผื่นที่บริเวณหน้า ลำคอ หน้าอกส่วนบน ใต้ราวนม และขาหนีบ แนะนำให้อาบน้ำ สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และทายาบริเวณที่เป็นผื่น 2) บวมที่ข้อเท้า เกิดจากเส้นเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว ทำให้บวมที่ขา โดยเฉพาะที่ข้อเท้า จึงควรพักผ่อนและนอนยกขาสูง 3) ตะคริว เกิดจากกล้ามเนื้อหดตัวและเกร็งอย่างเฉียบพลัน โดยเฉพาะบริเวณขา แขน และท้อง ซึ่งพบในผู้ที่ทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างหนัก จนร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อเป็นจำนวนมาก แนะนำให้ยืดกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นตะคริว นวดกล้ามเนื้อเบา ๆ ประมาณ 1 - 2 นาที สลับกับการยืดกล้ามเนื้อ และดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเกลือแร่ เพื่อชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป 4) เป็นลม เกิดจากร่างกายไม่สามารถปรับตัวต่ออากาศที่ร้อนขึ้น ทำให้เป็นลมหมดสติได้ วิธีช่วยเหลือคือให้ผู้ป่วยนอนหงายราบกับพื้น ใช้หมอนรองขาและเท้าสูงกว่าลำตัว พัดโบกลมให้ถูกหน้า ลำตัว เพื่อช่วยระบายความร้อนจากร่างกาย ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้า บีบนวดแขนขา หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 30 นาที ให้ไปพบแพทย์ 5) เพลียแดด เกิดจากสูญเสียน้ำหรือเกลือแร่จำนวนมากไปกับเหงื่อนานหลายชั่วโมง อาการคือ มีเหงื่อออก อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ กระหายน้ำอย่างมาก หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว แต่ยังคงมีสติอยู่ วิธีช่วยเหลือคือให้ผู้ป่วยนอนยกขาสูง ใช้พัดลมเป่า วางถุงใส่น้ำแข็งไว้ตามซอกคอ รักแร้ ข้อพับและขาหนีบ หากผู้ป่วยยังมีอุณหภูมิร่างกายสูงให้นำส่งโรงพยาบาลทันที 6) โรคลมร้อน หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) เป็นโรคที่รุนแรงมากจนอาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากเมื่ออยู่ในอากาศที่ร้อนจัด ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกไปได้ตามปกติจนไปทำลายระบบการทำงานของอวัยวะในร่างกายและระบบประสาท ทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิวหนังแดง ร้อน เหงื่อไม่ออก สับสน มึนงง หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลทันทีอาจเสียชีวิตได้ วิธีช่วยเหลือผู้ป่วยคือ พาผู้ป่วยหลบเข้าที่ร่ม หรือในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ถอดเสื้อผ้าให้เหลือเท่าที่จำเป็น ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว ใช้พัดลมเป่า วางถุงใส่น้ำแข็ง ไว้ตามซอกคอ รักแร้ ข้อพับและขาหนีบ และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ทั้งนี้ หากพบคนไม่สบายจากความร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือ ให้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือติดต่อสายด่วนช่วยชีวิต 1669