นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ Watana Muangsook ระบุว่า.. หลังจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้มนุษย์ในโลกซึ่งรวมถึงคนไทยกลัวความตายที่ไม่บอกล่วงหน้า ทุกคนจึงใส่หน้ากากออกจากบ้าน ขนาดคนขายก๋วยเตี๋ยวที่อยู่หน้าหม้อต้มที่มีความร้อนเกินกว่าที่โควิดจะอยู่ได้ก็ยังใส่หน้ากากเพราะกลัวตาย . ผมจึงไม่เห็นด้วยกับหลายมาตรการของรัฐ เช่น การกำหนดให้นั่งคนเดียวในโต๊ะอาหารเพราะเป็นอุปสรรคกับการทำมาหากินของร้านขนาดเล็ก ที่สำคัญคือวัฒนธรรมการนั่งโต๊ะเดียวกันของคนไทยคือการมาด้วยกันซึ่งอาจเป็นเพื่อนหรือเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงไม่มีเหตุผลที่นั่งรถคันเดียวกันมาหรืออยู่บ้านเดียวกันแต่ต้องมานั่งแยกกันกินอาหาร คนออกคำสั่งแบบนี้ได้ถ้าไม่โง่ก็น้องๆ ปัญญาอ่อน . นอกจากนี้การออกคำสั่งเคอร์ฟิวทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหารตอนค่ำ เช่น ร้านลาบส้มตำ หรือร้านข้าวต้มไม่สามารถเปิดดำเนินการได้เพราะจะต้องปิดร้านก่อน 20.30 น. เพื่อเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านทำให้ระยะเวลาที่ขายได้ไม่คุ้มทุน เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงจนกลายเป็นศูนย์และคนไทยมีวินัยขนาดนี้แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลจะคงคำสั่งเคอร์ฟิวไว้นอกจากจะเป็นการฉวยโอกาสทางการเมืองเพราะกลัวคนออกมาไล่ . อีกเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยคือการขยายเวลาเปิดเทอมเด็กซึ่งมีความเสี่ยงน้อยที่สุด วันนี้ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาลต้องคืนห้องเรียนให้เด็กโตขึ้นจะได้ไม่โง่และคืนเสรีภาพให้กับคนไทยยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์ประเทศ เมื่อรัฐบาลไม่มีปัญญาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคนก็ต้องคืนชีวิตปกติให้ประชาชนได้กลับไปทำมาหากิน . วิกฤตเศรษฐกิจน่ากลัวกว่าโควิดหลายร้อยเท่า จนบัดนี้ผมยังไม่เห็นมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลนอกจากการกู้เงิน ก็ขนาดของง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ปัญญาคือการแจกเงินที่กู้มาแจกยังทำให้คนฆ่าตัวตายมากขนาดนี้ ถ้าเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะสยดสยองขนาดไหน โชคดีครับคนไทยทุกคน